"โสสุโก้" ลั่นแผน 3 ปี จ่อลงทุน 1.7พันลบ. ซื้อเครื่องจักรประหยัดพลังงานลดต้นทุน พร้อมขยายกำลังผลิต 2 โรงงานในสระบุรี เป็น 52 ล้านตร.ม.ต่อปี นายปราโมทย์ พรมเอื้อ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โสสุโก้ เซรามิค จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย กระเบื้องปูพื้นและบุผนัง "โสสุโก้"  เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่อจากนี้ จะเน้นในเรื่องการลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพการผลิต เพื่อเพิ่มความสามารถรองรับการแข่งขันกับคู่แข่งทั้งในและต่างประเทศ

โดยในระยะ 3 ปี บริษัทมีแผนจะลงทุนประมาณ 1,400 ล้านบาท สำหรับการซื้อเครื่องจักรและเทคโนโลยีประหยัดพลังงานเข้ามาใช้ คาดว่าทำให้ต้นทุนด้านพลังงานลดลงประมาณปีละ 5% นอกจากนี้ ในปี 2557 จะใช้งบประมาณอีก 200-300 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตของโรงงานทั้ง 2 แห่งในจังหวัดสระบุรี จากเดิมผลิตได้ 48 ล้าน ตร.ม.ต่อปี เพิ่มเป็น 52 ล้าน ตร.ม.ต่อปี

"แนวโน้มเทรนด์สินค้ากระเบื้องต่อจากนี้ เน้นผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น  ที่สอดคล้องกับความต้องการของทั้งตลาดในและต่างประเทศ และสินค้าเพิ่มมูลค่า (High Value Added) ที่เป็นนวัตกรรมสร้างความแตกต่างและออกแบบแปลกใหม่ให้กับสินค้า ตามนโยบายของเครือเอสซีจี ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท"

ปัจจุบันตลาดรวมกระเบื้องอยู่ที่ประมาณ 150 ล้าน ตร.ม.ต่อปี  โดยบริษัทมีสัดส่วนตลาดอยู่ที่ 25% และตั้งเป้าจะเติบโตปีละ 5% โดยปีนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่  5,000 ล้านบาท และภายใน 5 ปี จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 6,500 ล้านบาท

ด้านนายกิตติชัย ไกรก่อกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008) จำกัด  กล่าวว่า ภาพรวมตลาดกระเบื้องจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% แต่ในปีนี้คาดว่าตลาดจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 7-8% เนื่องจากหลังเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม มีบ้านที่รอซ่อมแซมอยู่ไม่น้อยกว่า 2 แสนหลัง หรือคิดเป็น 12 ล้าน ตร.ม. จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทในช่วง 5 เดือนแรก อยู่ที่ประมาณ 2,300 ล้านบาท เติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 10% โดยยอดขายประมาณ 80% มาจากการซ่อมแซมบ้าน

"แต่ยังมีผู้บริโภคมากกว่า 50% ที่ยังไม่ดำเนินการซ่อมแซมบ้าน เนื่องจากยังกังวลว่าอาจเกิดสถานการณ์น้ำท่วมซ้ำรอยปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงนี้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมขึ้นแล้วในบางจังหวัด ทำให้สถานการณ์ตลาดในช่วงฤดูฝนน่าจะชะลอตัวลง หากไม่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมจนถึงสิ้นเดือน ก.ย.นี้ ตลาดที่ชะลอซื้ออยู่ก็น่าจะกลับมา"

นายกิตติชัย กล่าวว่า หลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)  บริษัทเชื่อว่าจะสร้างโอกาสในการขยายตลาดมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกอยู่ 20% ของยอดขายทั้งหมด โดยส่งออกกระเบื้องไป 35 ประเทศ ซึ่งครอบคลุมทั้งตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรป อเมริกาเหนือ และประเทศในภูมิภาคอาเซียน อีกทั้งบริษัทยังมีพันธมิตรโรงงานทั้งผลิตและขายสินค้าให้ในอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์อีกด้วย

“พม่า เป็นอีกประเทศที่บริษัทเน้นเข้าไปทำตลาด  เพราะมีการเติบโตสูงของระบบสาธารณูปโภคได้มีการเข้าไปทำตลาดแล้วตั้งแต่ปี 2546 โดยมีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายและร้านค้าช่วงแล้วกว่า 200 ราย”


ที่มา  :  วันที่ 21 มิถุนายน 2555  กรุงเทพธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น