วิจิตราฯปลื้มมหาอุทกภัยส่งผลยอดขายรวมเพิ่ม 15% ชูจุดขายไม่กระทบน้ำท่วมเหตุออกแบบป้องกันไว้ดี เดินหน้าพัฒนาโครงการ 3 แบรนด์ตามแผนเดิม ระบุภาพรวมตลาดอสังหาฯปี 2555 ผู้ประกอบการเร่งแก้ปัญหา บางรายย้ายทำเลพัฒนา ด้านแนวฟลัดเวย์อนาคตไม่ควรปลูกสิ่งก่อสร้าง ส่วนที่ดินดิบทำเลน้ำไม่ท่วม ไม่กล้าปรับราคาสูง
นายสืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วิจิตรา กรุ๊ป เปิดเผยว่าจากวิกฤตมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในภาคกลาง กรุงเทพฯและปริมณฑล ส่งผลให้ประชาชนและผู้ประกอบการในหลายธุรกิจ ได้รับความเสียหายและเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาฯ คอนโดมิเนียมที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมอาจประสบปัญหาเรื่องระบบไฟฟ้าได้ ส่วนโครงการประเภทแนวราบ ในอนาคตผู้บริโภคอาจเปลี่ยนใจไปซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลใหม่ที่ไม่ประสบปัญหาน้ำท่วม แต่บางรายที่สถานะทางการเงินยังไม่คล่องตัวก็อาจจะยังอาศัยอยู่ที่เดิมไปก่อน และมีการคาดหวังว่าในปี 2555 น้ำอาจจะไม่ท่วม
“เชื่อว่ากำลังซื้อในช่วงนี้จะชะลอตัวไปก่อน ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น มีเงินแต่ยังไม่ต้องการซื้อ เพราะสถานการณ์ตลาดยังไม่ดี หรือบางรายมีการถูกเลิกจ้าง,บางรายต้องซ่อมแซมบ้านหลังเก่าและรถยนต์ที่ได้รับความเสียหาย ส่งผลให้มีปัญหาในการชำระเงินกับสถาบันการเงินด้วย ส่วนผลตามมาที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องหนึ่งคือ ปัญหาเรื่องสุขภาพกายและจิตในเด็กและคนชรา ซึ่งต้องเอาใจใส่ดูแลด้วยเช่นกัน”
สำหรับทุกโครงการของวิจิตราฯนั้นล้วนอยู่โซนตะวันออกของกทม.ทั้งหมด และไม่ประสบปัญหาน้ำท่วมแต่อย่างใด อีกทั้งมีการออกแบบเพื่อป้องกันน้ำท่วมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว โดย แบรนด์วิคทอเรีย ไพรเวท ซิตี้ จะมีการออกแบบยกตัวบ้านให้สูงกว่าถนนสาธารณะถึง 90 เซนติเมตร แบรนด์มารวย ส่วนใหญ่พัฒนาในจ.ฉะเชิงเทรา จ.สระแก้ว จึงไม่มีผลกระทบ ส่วนแบรนด์วิจิตราธานี ก็มีการทำแนวเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็กลึก 16-18 เมตร โดยรอบโครงการไว้ตั้งแต่แรกแล้วเช่นกัน แต่เพื่อความไม่ประมาทในช่วงน้ำท่วมบริษัทฯก็ได้มีการนำกระสอบทรายมาป้องกันไว้ด้วยอีกระดับหนึ่งเช่นกัน
“ในช่วงที่น้ำท่วมหลายๆโครงการอาจจะประสบปัญหาในเรื่องยอดขายที่ชะลอตัว แต่โครงการของเรากลับมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ทั้ง เดอะ รอยัล สามมุข,วิคทอเรีย ไพรเวท ซิตี้,มารวยและวิจิตราธานี มียอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 15% และปัจจุบันก็ยังมีลูกค้าเข้ามาดูเพื่อขอซื้อโครงการอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นจุดขายที่สำคัญของบริษัทฯ”
นายสืบวงษ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับแผนการพัฒนาในปี 2555 คงเป็นไปตามนโยบายเดิม ที่เน้นพัฒนาโครงการละไม่มากจนเกินไปประมาณ 100 ยูนิต ซึ่งแล้วแต่สภาวะเศรษฐกิจด้วย ซึ่งจะเป็นแบรนด์เดิมที่เคยพัฒนาอยู่แล้ว คือ วิคทอเรีย ไพรเวท ซิตี้ บางนา-ตราด บนพื้นที่ 5 ไร่ เป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ราคา 1.49-2 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการประมาณกว่า 100 ล้านบาท ,โครงการมารวย ฉะเชิงเทราและสระแก้ว เป็นบ้านแฝด ระดับราคา 1.9-2.9 ล้านบาท และวิจิตราธานี ที่มีการสร้างบ้านใหม่ในโซน ไพรเวท การ์เด้น เพิ่มอีก 20 ยูนิต โดยจะเป็นการก่อสร้างบ้านพร้อมขายก่อน 6 ยูนิต ราคาประมาณ 3.95 ล้านบาทขึ้นไป รวมมูลค่าประมาณ 80 ล้านบาท
“รูปแบบการพัฒนาโครงการของบริษัทฯคงไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรแต่อย่างใด เพราะทุกอย่างออกแบบและป้องกันไว้ดีอยู่แล้ว”
ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 2555 นั้นผู้ประกอบการต้องมีการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม บางรายอาจจะมีการเปลี่ยนทำเลในการพัฒนา ส่วนพื้นที่ที่อยู่ในแนวฟลัดเวย์ ไม่ควรมีการพัฒนา ผู้ประกอบการต้องให้ความช่วยเหลือผู้บริโภคในหลากหลายกรณี ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี สำหรับที่ดินดิบในทำเลน้ำท่วมไม่ถึง อาจจะมีการปรับราคาขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่โอเวอร์จนเกินไป เพราะต้องอิงกับราคาตลาดด้วย
ที่มา : วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554
TAG : |