" รู้อย่างช่าง สร้างอย่างปราชญ์ "

 


Knowledges



Banner Web eBuild
Banner Web eBuild
Banner Web eBuild
หน้าหลักข่าวก่อสร้าง     ข่าวทั่วไป  
NEWS คอมมูนิตี้ มอลล์เติบโตอย่างต่อเนื่อง ผลจากน้ำท่วมอาจเป็นแรงส่งเร่งอัตราการเติบโต
วันที่ลง : 12-Nov-2011   จำนวนคนอ่าน 618

รายงานอสังหาริมทรัพย์ภาคค้าปลีกในกรุงเทพฯไตรมาสที่ผ่านมาของคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย (Colliers International Thailand) ระบุว่า มีคอมมูนิตี้ มอลล์แห่งเดียวที่เปิดให้บริการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2554 และยังมีอีกหลายแห่งจะทยอยเปิดตามมา ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนพื้นที่รวมของคอมมูนิตี้ มอลล์มากกว่าไฮเปอร์มาร์เก็ต นางอัจฉราวรรณ วจนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายตัวแทนการขายและหาผู้เช่าธุรกิจค้าปลีกอธิบายว่า น้ำท่วมอาจเป็นผลให้เจ้าของโครงการหลายรายหันมามองหาทำเลสำหรับคอมมูนิตี้ มอลล์ในย่านที่ไม่เคยพิจารณามาก่อน “เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น น้ำท่วม ประชาชนต้องการสถานที่ซื้อสินค้าใกล้บ้านที่พักผ่อนหย่อนใจได้พร้อมๆ กับสัมผัสบรรยากาศความเป็นชุมชน” นางอัจฉราวรรณให้ความเห็น “ในบริเวณที่มีความเสี่ยงน้ำท่วม การสร้างคอมมูนิตี้ มอลล์จำเป็นต้องคำนึงถึงความสูงของอาคารชั้นล่างสุดเนื่องจากต้องเข้าออกได้ตลอดเวลา ทั้งต้องมีอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปาสำรองเตรียมไว้เป็นอย่างดี” “บางแห่งต้องคำนึงถึงบริการพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับบริเวณทำความสะอาดและสุขอนามัย เพราะแม้แต่ในช่วงฝนตกหนักก็อาจเกิดปัญหาได้ และประชาชนอยากรู้สึกสบายใจเวลาอยู่ในห้าง นอกจากนั้นความเป็นชุมชนจะทวีความสำคัญมากขึ้น” นางอัจฉราวรรณเสริม
          ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2554 อุปสงค์เติบโตช้าลงเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสกับไตรมาสที่ 3 ของปี 2553 โดยอุปสงค์ที่แล้วเสร็จรวมประมาณ 11,000 ตรม. ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้ มอลล์เพียงแห่งเดียว โดยทั่วไป ศูนย์ค้าปลีกมักเปิดให้บริการในช่วงสองสามเดือนสุดท้ายของปีเพื่อเตรียมพร้อมรองรับช่วงเทศกาลซึ่งเป็นช่วงขายดี พื้นที่ค้าปลีกใหม่ 260,000 ตรม. มีกำหนดจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 ได้แก่ เทอร์มินัล 21 และเซ็นทรัลพระราม 9 นอกจากนั้นยังมีเซ็นทรัล เวิลด์ซึ่งจะเปิดให้บริการครบทุกส่วน อัตราค่าเช่าพื้นที่เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และอัตราการครอบครองเพิ่มขึ้นประมาณ 0.2% ในช่วงเวลาเดียวกัน
น้ำท่วมในครั้งนี้เน้นให้เห็นปัญหาของการกระจายสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตโดยเฉพาะ และชั้นวางสินค้าในห้างหลายแห่งถูกจับจองจนหมด ในขณะที่อีกหลายแห่งยังมีสินค้าสต็อกในปริมาณมากพอ นายปฏิมา จีระแพทย์ กรรมการผู้จัดการของคอลลิเออร์สฯ กล่าวว่า ผู้ค้าปลีกต้องกลับไปทบทวนการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ของตนหลังเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงจากน้ำท่วม “จำเป็นต้องมีคลังหลายๆ แห่งในการจัดส่งสินค้าจำเป็นมายังศูนย์กลางการค้าปลีกในกรุงเทพฯและตัวจังหวัด เพื่อจะได้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาศูนย์กระจายสินค้าเพียงเดียว นอกจากนั้นคลังสินค้าต้องตั้งอยู่บนพื้นที่สูงและเชื่อมต่อกับทางยกระดับได้ง่าย” นายปฏิมาชี้แจง และยังเสนอแนะให้รัฐบาลตั้งศูนย์คลังสินค้าฉุกเฉินเพื่อจัดเก็บสินค้าที่ไม่เสียง่าย เช่น น้ำดื่มบรรจุขวดและอาหารกระป๋อง ทั้งภาคค้าปลีกเอกชนและภาครัฐต้องให้ความสำคัญกับแผนสำรอง ไม่เพียงแต่เตรียมรับสถานการณ์น้ำท่วม แต่ยังต้องเตรียมตัวสำหรับสถานการณ์ภัยพิบัติอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น แผ่นดินไหว “เราต้องไม่ดูเพียงแต่เรื่องน้ำท่วมอย่างเดียว เพราะเมื่อไม่นานมานี้เอง ทุกคนยังวิตกกังวลเรื่องแผ่นดินไหวกันอยู่เลย ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องเตรียมตัวรับภัยพิบัติหลายรูปแบบที่อาจเกิดขึ้น" นายปฏิมาเสริม
          อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับน้ำท่วมก็คือจำ จำนวนร้านชำที่เลือกสร้างแนวป้องกันด้วยคอนกรีตแทนการเลือกใช้ถุงทราย นายโทนี พิคอน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยให้ข้อมูลว่า หลายๆ ร้านเกิดความวิตกกังวลว่า หากน้ำท่วมจะท่วมนานเกินหนึ่งเดือน “เจ้าของร้านส่วนใหญ่ตระหนักว่าถุงทรายไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดในการรับมือกับน้ำท่วมระยะยาว ประกอบกับมีเวลาสร้างแนวป้องกันที่แข็งแรงกว่า” นายโทนีกล่าว ร้านค้าปลีกส่วนใหญ่คงป้องกันเท่าที่ทำได้แต่นายโทนีแนะนำให้หาวิธีการป้องกันที่ดีกว่านี้หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมบรรเทาลง “คนส่วนใหญ่จะใช้ฤดูที่ฝนไม่ตกในการขบคิดหาวิธีการป้องกันทรัพย์สินของตนเองให้ดีขึ้นและอาจพิจารณาเลือกใช้แผ่นอลูมิเนียมหรือเหล็กแบบถอดได้ที่สามารถติดตั้งได้รวดเร็ว” หลายประเทศประสบภัยน้ำท่วมรุนแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมทั้ง ออสเตรเลียและอังกฤษซึ่งเป็นผลให้มีการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ “ความจำเป็นคือแรงผลักดันให้เกิดการประดิษฐ์คิดค้น และในกรณีนี้อาจนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ป้องกันน้ำท่วมนวัตกรรมใหม่” นายโทนีแสดงความเห็น
          พื้นที่ประมาณ 11,000 ตรม. แล้วเสร็จในไตรมาสที่ 3 ของปี 2554 ได้แก่ “เดอะ ไนน์ เนห์เบอร์ฮูด เซ็นเตอร์” ในบริเวณชานเมืองกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก
          อุปทานในอนาคตซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 มีพื้นที่รวมกว่า 260,000 ตรม. โดยประมาณ 215,000 ตรม. เป็นพื้นที่ห้างสรรพสินค้า ส่วนสำคัญได้แก่เซ็นทรัล พระราม 9 และเทอร์มินัล 21 รวมกว่า 124,000 ตรม. ซึ่งทั้งสองห้างมีกำหนดเปิดในไตรมาสที่ 4 ของปี 2554



ที่มา  :11 พฤศจิกายน 2554 ThaiPR.NET



TAG :

ร่วมแสดงความคิดเห็น

ชื่อ
Comment
กรุณาป้อนข้อมูลตามที่ปรากฏ

ข้อความในส่วนแสดงความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็นข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บบอร์ดไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ feedback@ebuild.co.thเพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้





สินค้าหมวดสถาปัตย์
สินค้าหมวดโครงสร้าง
แหล่งความรู้
eBuild Team
www..co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล Privacy Policy
Copyright 2009 Ebuild Co., Ltd. All Rights Reserved.