นายสุริยะ วรรณบุตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการและการตลาด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลต่อภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มแสนสิริ ใดยด้านยอดคนเข้าชมโครงการลดลง 15-20% เนื่องจากผู้บริโภคยังมีความระเวงและไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ ส่วนผลกระทบด้านต้นทุนการก่อสร้างนั้น มีปัญหาในการขนส่งและต้นทุนวัสดุก่อสร้างในกลุ่มทรายและอิฐ ขณะนี้เกิดการขาดตลาดและมีการปรับราคาสูงขึ้น 1 เท่า และอาจจะปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายลง ทำให้ในอนาคตโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทอาจต้องพิจารณายกระดับระบบสาธารณูปโภคให้สูงขึ้น ทั้งการถมดินโดยอิงกับระดับน้ำทะเล การวางท่อระบายน้ำ และการทำประตูระบายน้ำ
อย่างไรก็ตามการยกระดับระบบสาธารณูปโภคดังกล่าว จะทำให้ต้นทุนด้านนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 15%-20% ต่อโครงการ ซึ่งจะเริ่มในโครงการใหม่ปี 2555 จำนวน 4-6 โครงการ ในแบรนด์ "ดี-คอนโด" ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาทำเล โดยเน้นทำเลใกล้แหล่งชุมชน การคมนาคมสะดวก และมีพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ต่อโครงการ
"ผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ เราต้องยอมรับว่าเกิดจากความผิดพลาดในการประเมินสถานการณ์ที่ส่งผลต่อความมั่นใจของประชาชน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯที่ยังไม่มีความรู้สึกว่าปลอดภัย ขณะที่ในด้านของผู้ประกอบการเองนั้น ปัจจุบันต้องรอบคอบในการซื้อที่ดินเพื่อมาพัฒนาโครงการมากขึ้น เนื่องจากต้องยอมรับว่าในกรุงเทพฯมีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมมาก บางทำเลต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางถึง 3 เมตร ส่วนเรื่องที่ประชาชนแห่มาให้ความสนใจในการซื้ออสังหาริมทรัพย์แนวสูงนั้น ผมคาดว่าเป็นเพียงกระแสในช่วงนี้มากกว่า"นายสุริยะ กล่าว
สำหรับภาพรวมของโครงการแบรนด์ "ดี-คอนโด" ปัจจุบันโครงการแรกที่ทำเลอ่อนนุช-สุวรรณภูมิ ได้โอนให้ลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะเป็นรายได้ที่รับรู้ในปี 2554 ประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนโครงการที่เหลือ อาทิ รามอินทรา และรามคำแหง จะเริ่มโอนในไตรมาส 1 ปี 2555 ขณะที่โครงการที่ภูเก็ต และจรัญสนิทวงศ์ จะทยอยโอนในไตรมาส 4 ปี 2555 ซึ่งบริษัทมองว่าตลาดรวมของคอนโดมิเนียมระดับล่างที่มีราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ยังมีความต้องการที่สูง และบริษัทตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปีจากนี้ แบรนด์"ดี-คอนโด" จะมีการเติบโตมากขึ้นและจะมีสัดส่วนประมาณ 10% ในยอดขายรวมของแสนสิริ
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พุธที่ 19 ตุลาคม 2554
TAG : |