อุทกภัยพ่นพิษไม่หยุด ค่ายอสังหาฯ งัดแผนถมที่ดินรับมือปัญหาน้ำท่วม เผยโครงการใหม่ถมสูง 65-80 ซ.ม. จากระดับถนน "มั่นคง พร็อพเพอร์ตี้" ชี้ถมที่สูงขึ้นกว่าปกติ 30 ซ.ม. ดันต้นทุนเพิ่มทันทีเฉลี่ยไร่ละ 1 แสนบาท "แสนสิริ" เกาะติดสถานการณ์น้ำในบ้านจัดสรร 40 โครงการอย่างใกล้ชิด ส่วนค่าย "น้อมบุญ" ชี้หากปีนี้ กทม.น้ำท่วม อาจพิจารณาถมที่โครงการใหม่สูงขึ้นอีก 20-30 ซ.ม.


นายธวัชชัย วิวัฒนวงศ์สิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการบ้านจัดสรร แบรนด์ "มั่นคง พาวิลเลี่ยน" ในจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เกือบทั่วประเทศที่เกิดขึ้น จนทำให้เกิดความกังวลว่าพื้นที่บางส่วนในกรุงเทพฯ อาจหนีไม่พ้นต้องเจอปัญหาน้ำท่วมด้วย

สำหรับมั่นคง พร็อพเพอร์ตี้ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ บนถนนบางบอน 3 อยู่ระหว่างการก่อสร้างบ้านตัวอย่าง คาดว่าจะพร้อมเปิดตัวได้ภายในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้

ถึงแม้ตัวโครงการจะไม่มีความเสี่ยงเรื่องน้ำท่วมเลยก็ว่าได้ เนื่องจากตั้งอยู่บนถนนบางบอน 3 ซึ่งเป็นถนนที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ขยายถนนเพิ่มจาก 2 เลนเป็น 4 เลน และเทพื้นถนนให้สูงขึ้นกว่าเดิมอีก 1.20 เมตร แต่บริษัทก็ไม่ได้ประมาท จึงได้ถมที่ดินเพื่อยกระดับพื้นที่โครงการให้สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ทั่วไปทำกันอีกประมาณ 30 เซนติเมตร เพื่อให้ความมั่นใจลูกค้าว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วมภายในโครงการอย่างแน่นอน

สิ่งที่ดำเนินการคือ บริษัทได้ถมที่เพื่อยกระดับถนนภายในโครงการให้สูงกว่าถนนสาธารณะ (ถนนบางบอน 3) ประมาณ 65 เซนติเมตร จากทั่วไปจะถมที่เพื่อยกระดับถนนภายในโครงการสูงกว่าถนนสาธารณะเฉลี่ย 30-35 เซนติเมตร ตรงนี้ถึงแม้ทำให้บริษัทมีต้นทุนค่าถมที่ดินเพิ่มขึ้นอีกประมาณไร่ละ 1 แสนบาท แต่ก็ดีกว่าต้องมาเสี่ยงน้ำท่วมภายหลัง

นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับโครงการแนวราบจำพวกบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ที่แสนสิริจะพัฒนาในอนาคต กรณีเป็นโครงการที่อยู่ในทำเลที่ กทม.ระบุชัดเจนแล้วว่าเป็นพื้นที่รับน้ำหรือแก้มลิงตามผังเมืองรวม กทม.ฉบับใหม่ ก็คงจะต้องหันมาพิจารณาการถมที่เพื่อยกระดับที่ดินในโครงการให้สูงกว่าปัจจุบันอีกประมาณ 10-20 เซนติเมตร

จากปัจจุบันก่อนจะเริ่มการก่อสร้างโครงการใหม่ทุกครั้ง จะถมที่ดินเพื่อยกถนนภายในโครงการให้สูงกว่าถนนสาธารณะเฉลี่ย 15 เซนติเมตร และถมที่บริเวณแปลงที่ดินก่อสร้างบ้านให้สูงจากถนนสาธารณะเฉลี่ย 30 เซนติเมตร หรือรวมแล้วตัวบ้านจะสูงกว่าถนนสาธารณะเฉลี่ย 45 เซนติเมตร

ส่วนการซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต แม้ว่าที่ผ่านมาบริษัทให้ความสำคัญกับการพิจารณาเลือกซื้อที่ดินที่มีโอกาสเกิดน้ำท่วมได้ยากอยู่แล้ว แต่หลังจากนี้คงจะต้องเพิ่มน้ำหนักการให้ความสำคัญเรื่องพื้นที่ น้ำท่วมเป็นลำดับแรก ๆ เพราะปีนี้น้ำมากจริง ๆ แม้ กทม.จะวางระบบป้องกันน้ำท่วมไว้ได้ดี ก็ต้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ถือว่าปีนี้กรุงเทพฯมีความเสี่ยงมากที่สุดนับจาก ปี 2538 ที่เคยเจอน้ำท่วมใหญ่

โดยนับตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้สั่งให้ทีมงานในโครงการบ้านจัดสรรของแสนสิริที่มีอยู่ประมาณ 30-40 โครงการ เตรียมตัวรับมือน้ำท่วมเต็มที่ โดยสั่งทรายมาเตรียมไว้บรรจุเป็นถุงกระสอบทรายกั้นน้ำในทุกโครงการ ประมาณโครงการละไม่ต่ำกว่า 5 พัน-1 หมื่นถุง เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่เตรียมไว้แล้ว 40-50% พร้อมทั้งเตรียมเครื่องปั๊มน้ำประจำแต่ละโครงการไม่ต่ำกว่า 2-3 เครื่อง

นายมานะ จิระนภากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้อมบุญ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการบ้านจัดสรร "เลอนีโอ" ย่านศรีนครินทร์ กล่าวในทำนองเดียว กันว่า หากปีนี้กรุงเทพฯเจอปัญหา น้ำท่วม สำหรับโครงการที่บริษัทจะพัฒนาในอนาคตก็มีแนวคิดที่จะถมที่ดินเพื่อยกระดับพื้นที่โครงการให้สูงกว่าที่เคยทำมา ประมาณ 20-30 เซนติเมตร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อบ้าน

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทถมที่เพื่อยกระดับถนนภายในโครงการให้สูงกว่าถนน สาธารณะ 30 เซนติเมตร และถมที่เพื่อยกระดับตัวบ้านให้สูงกว่าถนนในโครงการประมาณ 50 เซนติเมตร อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันโครงการของบริษัทที่อยู่ระหว่างเปิดขายคือ เลอนีโอ ศรีนครินทร์ ทั้งโครงการ ถนนทางเข้า และถนนใหญ่ก็ยังไม่มีน้ำขังหรือน้ำท่วมบนถนนศรีนครินทร์แต่อย่างใด สถานการณ์น้ำในคลองส่งน้ำศรีนครินทร์ก็ยังอยู่ในระดับต่ำ


ที่มา :  วันที่ 08 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ประชาชาติธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น