บอร์ดการรถไฟฯเคาะแล้วนโยบายต่อสัญญาที่เช่า "ตลาดนัดจตุจักร"ยอมลดราคาครึ่งหนึ่ง ใช้โมเดลกรมธนารักษ์ให้ กทม.ต่ออายุ 20 ปี คิดค่าเช่าระหว่าง 420-445 ล้านบาท/ปี จากเดิมราคาตั้ง 1,100 ล้านบาท/ปี ขีดเส้นตายเจรจาต้องจบภายในสิ้น ต.ค. นี้ หาก กทม.ไม่ยอมรับเงื่อนไขพร้อมริบคืนมาบริหารเอง ด้าน "กทม."ดื้อตาใส ยืนยันอิงโมเดลที่เช่าตลาด อ.ต.ก.ขอต่อสัญญายาว 30 ปี กับจ่ายปีละ 79 ล้านบาท

นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในการประชุม คณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท. เมื่อ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติรับหลักเกณฑ์ของคณะอนุกรรมการจัดหา รายได้ ในการต่อสัญญาเช่าที่ดินบริเวณตลาดนัดจตุจักร เนื้อที่ 68 ไร่ 95 ตารางวา กับผู้เช่าคือกรุงเทพมหานคร (กทม.) คู่สัญญาเดิม ซึ่งจะหมดอายุสัญญาเช่าวันที่ 1 มกราคม 2555 นี้ โดยจะใช้เกณฑ์เดียวกับกรมธนารักษ์เป็นแนวทางในการพิจารณา

โดยคณะอนุกรรมการฯได้เสนอให้คิดอัตราค่าเช่า 445 ล้านบาท/ปี และปรับขึ้น 15% ทุก 5 ปี เท่ากับว่าลดลงจาก ข้อเสนอของบริษัทที่ปรึกษาที่เสนอให้ คิดค่าเช่าใหม่ 1,100 ล้านบาท/ปี แต่ทางคณะอนุกรรมการฯเห็นว่าราคาของที่ปรึกษาที่ทำมานั้นค่อนข้างสูงเกินไป เนื่องจากเป็นการต่อสัญญาเช่าระหว่างหน่วยงานรัฐด้วยกัน

"บอร์ดให้เจรจากับ กทม.ให้จบภายใน 31 ตุลาคมนี้ หาก กทม.ไม่เห็นด้วยจะมีการต่อรอง และลดให้เพดานต่ำสุดอยู่ที่ 420 ล้านบาท/ปี ต่ำกว่านี้ไม่ได้แล้ว หาก กทม.ไม่รับค่าเช่านี้ การรถไฟฯจะเข้าไปบริหารโครงการเอง โดยจะให้ผู้ค้าที่ขึ้นทะเบียน 8,000 กว่าแผง มาเช่าตรงกับการรถไฟฯ และเราจะไม่ให้มีการเช่าช่วงเหมือนที่ผ่านมา" นายยุทธนากล่าว

แหล่งข่าวจากการรถไฟฯกล่าวเพิ่มเติมว่า เกณฑ์ค่าเช่าที่บอร์ดรับหลักการไปนั้น ประเมินจากมูลค่าทรัพย์สิน แบ่งเป็นที่ดิน 68 ไร่เศษ มีมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท กับอาคารและสิ่งปลูกสร้าง มีแผงค้ากึ่งถาวร 27 โครงการ 8,875 แผงค้า แผงหนังสือ 57 แผงค้า แผงค้าไก่ชน (เดิม) 85 แผงค้า อาคารตัวแอล 1 อาคาร อาคารธนาคารออมสิน 1 อาคาร อาคารกองอำนวยการตลาด 1 อาคาร อาคารร้านภูฟ้า 1 อาคาร และอาคารห้องน้ำ 8 อาคาร เมื่อรวมที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปัจจุบัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท

สำหรับระยะเวลาต่อสัญญาเช่า 20 ปี ร.ฟ.ท.ประเมินว่าเหมาะสมที่สุด เหมือนกับต่อสัญญาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ขณะที่ค่าเช่าปีละ 445 ล้านบาท ปรับขึ้น 15% ทุก 5 ปี หากคิดบนฐานราคาค่าเช่านี้ตลอดอายุ 20 ปี (2555-2575) จะทำให้ ร.ฟ.ท.มีรายได้ 11,114 ล้านบาท แต่เมื่อทอนกลับมาเป็นมูลค่าปัจจุบันอยู่ที่ 6,638 ล้านบาท โดยจะไม่มีการเก็บเงินค่าธรรมเนียมจัดประโยชน์ก้อนแรกแต่อย่างใด

"เดิม ร.ฟ.ท.เสนอขอปรับค่าเช่าทุกปี ปีละ 5% แต่ทางคณะอนุกรรมการฯ เห็นว่าโหดเกินไป จึงใช้สูตรเดียวกับกรมธนารักษ์คือปรับ 15% ทุก 5 ปีแทน มติครั้งนี้พบกันครึ่งทางมากกว่าเพื่อ ให้ทุกอย่างจบและผู้ค้าไม่เดือดร้อน กทม.จะปรับค่าเช่าแผงขึ้นเท่าไหร่เป็นอำนาจกทม. ไม่เกี่ยวกับการรถไฟฯ"

นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยเรื่องเดียวกันนี้ว่า ราคาต่อสัญญาเช่าตลาดนัดจตุจักร ไม่ว่าจะเป็นปีละ 420 ล้านบาท หรือปีละ 1,100 ล้านบาท ประเมินแล้วยังสูงเกินไป ไม่สามารถ รับได้ โดย กทม.ขอยืนยันต่อสัญญาเช่าในอัตราค่าเช่าเท่ากับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เป็นแนวทางในการเจรจา โดย อ.ต.ก.จ่ายค่าเช่ากว่า 700 บาท/ตร.ม./ปี หรือปีละ 79 ล้านบาท

"เป็นธรรมดาเปลี่ยนรัฐบาลใหม่จะต้องเปิดโต๊ะเจรจากัน แม้สัญญาจะหมดวันที่ 1 มกราคม 2555 นี้ ก็ให้อยู่กันไปแบบนี้เรื่อย ๆ ไม่ใช่เป็นการยื้อ แต่ขอให้การรถไฟฯมีเหตุและผลหน่อยในการพิจารณา เพราะตลาดจตุจักรมีรายได้ ปีละ 80 ล้านบาทเอง จะนำเงินที่ไหนมาจ่ายให้เป็นร้อย ๆ ล้านบาท"

นายอรุณ ศรีจรูญ ผู้อำนวยการกองตลาดนัดจตุจักร กล่าวว่า หากได้ต่อสัญญา กทม.จะให้ผู้เช่าเดิมมาเช่าต่อ ไม่มีการรื้อทะเบียนใหม่ พร้อมกับมีแผนจะปรับโฉมให้ทันสมัยขึ้น ส่วนค่าเช่าแผงอาจจะต้องปรับขึ้น แต่จะปรับเท่าใดต้องรอข้อสรุปค่าเช่ากับการรถไฟฯก่อน

อนึ่ง กรณี กทม.อิงค่าเช่าของตลาด อ.ต.ก.ปีละ 79 ล้านบาทนั้น แหล่งข่าวจาก ร.ฟ.ท.กล่าวว่า ตลาด อ.ต.ก.เหลืออายุสัญญาเช่าอีก 5 ปี เมื่อถึงตอนนั้นการเจรจาต่อสัญญารอบใหม่ก็จะต้องใช้มาตรฐานค่าเช่าเดียวกับ กทม.แน่นอน




ที่มา :  วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ประชาชาติธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น