นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) เมื่อ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้รับทราบผลการพิจารณาต่อรองราคากับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีเอ็มซีแอล เพื่อจัดหาและเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) ระยะเวลา 30 ปี เงินลงทุนกว่า 8 หมื่นล้านบาท ลดลงจากวงเงินเดิมที่เสนอกว่า 9.3 หมื่นล้านบาท ตามที่คณะกรรมการมาตรา 13 ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯเสนอ

นายยงสิทธิ์กล่าวว่า ขณะเดียวกันทางบอร์ดได้มอบหมายให้ รฟม.จัดทำข้อมูลในกรณีที่ รฟม.จะทำหน้าที่ซื้อรถไฟฟ้าและบริหารการเดินรถเอง จะต้องใช้เงินลงทุนเท่าไรเพื่อให้ ครม.ใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาควบคู่ไปด้วย วัตถุประสงค์เพื่อเป็นทางเลือกหาก ครม.ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของบีเอ็มซีแอล

"เหตุผลที่เสนอไป 2 ทางเลือกเพื่อให้ ครม.มีข้อมูลเปรียบเทียบได้ เพราะมูลค่าสัญญาจ้าง 8 หมื่นกว่าล้านผมก็ไม่รู้ว่าในสายตา ครม.จะมองว่าแพงไปหรือไม่ ซึ่งสัญญาประมูลงานนี้ดำเนินการมากว่า 2 ปีก่อนที่ผมจะเข้ามาเป็นผู้ว่าการ แต่ถ้าถามผมหาก ครม.ให้เราทำเอง ในด้านการหาแหล่งเงินกู้ รฟม.สามารถจัดหาดอกเบี้ยต่ำกว่าเอกชนอย่างน้อย 1-2% ซึ่งจะทำให้มูลค่างานต่ำกว่าแน่นอน" นายยงสิทธิ์กล่าว

แหล่งข่าวจาก รฟม. เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" เพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้โครงการเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงมีมติ ครม.เมื่อ 16 พฤศจิกายน 2553 สมัยรัฐบาลชุดที่แล้วเห็นชอบให้จ้างเอกชนมาลงทุนจัดหาระบบ ซื้อรถ และซ่อมบำรุงในรูปแบบ PPP Gross Cost โดยเอกชนจะได้ค่าจ้างรายปีเป็นผลตอบแทนตลอดอายุสัญญา 30 ปี

ส่วน รฟม.จะเป็นผู้จัดเก็บรายได้และรับภาระความเสี่ยงจำนวนผู้โดยสารเอง

ต่อมา รฟม.เปิดประมูลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ผลประมูลทางบีเอ็มซีแอลเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดอยู่ที่ 93,762 ล้านบาท ล่าสุดคณะกรรมการมาตรา 13 เจรจาต่อรองเสร็จแล้วอยู่ที่ 85,736 ล้านบาท หรือลดราคาลง 8,026 ล้านบาท

รายละเอียดราคา 8,5,736 ล้านบาทตามที่บริษัทบีอีซีแอลเสนอมา แบ่งเป็นค่าจัดหาติดตั้งเดินรถจำนวน 14,364 ล้านบาท ค่าเดินรถและบำรุงรักษา 52,761 ล้านบาท ดอกเบี้ย 6,539 ล้านบาท กำไรในการบริการเดินรถ 6,463 ล้านบาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 5,609 ล้านบาท

แหล่งข่าวกล่าวว่า กรณีที่บอร์ดให้รฟม.ทำรายละเอียดการลงทุนในกรณีที่ รฟม.เดินรถเองนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มทาง เลือกให้ ครม.ตัดสินใจ โดยรถไฟฟ้าสายสีม่วงมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2558 ดังนั้นหาก ครม.ไม่เห็นด้วยกับราคาที่บริษัทบีเอ็มซีแอลเสนอมาและยกเลิกข้อเสนอของเอกชน การเตรียมแผนลงทุนด้วยตัวเองของ รฟม.จะเป็นแผนสำรองได้ทันที

"ตอนนี้อยู่ที่ ครม.จะรับราคาของ บีเอ็มซีแอลหรือไม่ หากมองว่าสูงไปก็มีความเป็นไปได้ที่จะพิจารณาใหม่หรือยกเลิกไป ซึ่งวงเงินลงทุนค่อนข้างสูงจึงจำเป็นต้องมีข้อมูลรอบด้านประกอบการตัดสินใจให้กับ ครม. ทั้งนี้หาก รฟม.ซื้อรถเองมั่นใจว่าจะถูกกว่าราคาที่เอกชนเสนอมา 14,364 ล้านบาทอย่างแน่นอน" แหล่งข่าวกล่าว



ที่มา  :  10 ส.ค. 2555  ประชาชาติธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น