กทม.เปลี่ยน แนวถนนตามผังเมือง ค.1 เชื่อมถนนสายหลัก "รามอินทรา-พหลโยธิน-รัตนโกสินทร์สมโภช" ลดแรงต้าน เลี่ยงเวนคืนที่ดิน ขยับรัศมีใหม่จากรามอินทราซอย 5 เข้าไปอยู่กึ่งกลางซอย 17-19 เผยอนาคตช่วยเสริมโครงข่ายการเดินทางถนนลาดปลาเค้า จาก 3 แยก เป็น 4 แยก ทะลวงพื้นที่ปิดล้อม เปิดการพัฒนาใหม่ ชี้แนวใหม่นี้เหมาะสมสุด เวนคืนน้อย 60-80 หลังคาเรือน คาดใช้งบฯก่อสร้าง 400 ล้าน รื้อแผนตัดถนนใหม่แยกลาดปลาเค้า กทม.เบี่ยงแนวเวนคืนรามอินทราซอย5ลดแรงต้าน

นายวัชรินทร์ บรรพต ผู้อำนวยการกองออกแบบ สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กทม.ได้จ้างบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วยบริษัท ไฟนอล ดีไซน์ คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท อาร์มมี่ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์เอ็นไวโรนเมนท์ จำกัด วงเงิน 14.9 ล้านบาท เพื่อศึกษา สำรวจ ออกแบบโครงการก่อสร้างตามแนวผังเมือง ค.1 เชื่อมต่อถนนรามอินทรากับถนนพหลโยธิน-ถนนรัตนโกสินทร์สมโภช ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร

โครงการนี้มีจุดเริ่มต้นโครงการอยู่บริเวณถนนรามอินทรา ซอย 5 แล้วตัดตรงไปเชื่อมกับถนนพหลโยธิน-รัตนโกสินทร์สมโภช เพื่อช่วยแก้ปัญาหาการจราจรบนถนนรามอินทราและใกล้เคียง อีกทั้งยังเป็นการเปิดพื้นที่ปิดล้อมให้มีการเข้าถึงและพัฒนาได้มากขึ้นอีก ด้วย

เปลี่ยนแนวใหม่เลี่ยงชุมชน

นายวัชรินทร์กล่าว ต่อว่า ทั้งนี้ ตามแนวเดิมที่กำหนดไว้ในผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับปัจจุบัน จากการสำรวจแนวเส้นทางตามแผนที่ทางอากาศพบว่าจะมีการเวนคืนที่ดินจำนวนมาก จึงให้ทางบริษัทที่ปรึกษาสำรวจเส้นทางเลือกอื่นเข้ามาพิจารณาด้วยอย่างน้อย 3 เส้นทาง โดยพื้นที่ศึกษาเส้นทางใหม่จะขยับจากแนวเดิมไปทางลาดปลาเค้าไปจนถึงรามอิน ทรา กม.5 (ปากทางซอยวัชรพล) จะให้ที่ปรึกษาพิจารณาเส้นทางจากค่าก่อสร้าง การเวนคืนที่ดิน และประโยชน์ของแนวเส้นทางเป็นหลัก คาดว่าจะสรุปได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้

"จะเลือกแนวเส้นทางที่กระทบ ต่อประชาชนน้อยที่สุด เพื่อโครงการจะได้เดินหน้าก่อสร้างโดยเร็ว สำหรับเส้นทางนี้จะเป็นถนนตัดใหม่ ขนาด 6 ช่องจราจร ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1-2 ปี คาดว่าจะใช้งบฯก่อสร้างกว่า 400 ล้านบาท หรือเฉลี่ย กม.ละ 200 ล้านบาท ส่วนการเวนคืนที่ดินจะต้องมีแน่นอน เพราะเป็นถนนตัดใหม่ แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการเลือกแนวเส้นทางด้วย"

ทะลวง 4 แยก "ลาดปลาเค้า"

ผศ.เอก ชัย แคล้วกลาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟนอล ดีไซน์ คอนซัลแตนท์ จำกัด เปิดเผยว่า จากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่เมื่อ

วันที่ 18 เมษายน 2555 โดยเชิญชุมชน 25 ชุมชนที่อยู่ในแนวเส้นทางโครงการ อาทิ ชุมชน ม.วังไผ่ ม.เธียรสาน ม.ไปรษณีย์นิเวศน์ ม.ทิมเรืองเวช ม.เจษฎา 3 และ 4 ม.อนันต์สุขสันต์ ม.ศุภาลัยปาร์ควิลล์ ม.สินทรัพย์นคร ม.ร่วมพัฒนา 33 ม.สวนทองวิลล่า ม.บัวหลวง เป็นต้น

"ผลการประชุมที่ออกมาชาวบ้านไม่ เห็นด้วยกับแนวเดิม เพราะจะตัดผ่านหมู่บ้านจำนวนมาก จากการเก็บข้อมูลพบว่าหากเป็นแนวเดิมจะต้องเวนคืนที่ดินเกือบ 200 หลังคาเรือน ชาวบ้านเสนอแนะให้ย้ายแนวไปทางรามอินทราซอย 19, 21 และ 23 แทน เพราะบริเวณดังกล่าวจะยังมีพื้นที่ว่าง หมู่บ้านยังมีน้อย"

ผศ.เอก ชัยกล่าวต่อว่า จากข้อเสนอของชาวบ้านตรงกับแนวคิดของบริษัทที่ปรึกษาเช่นกัน โดยจะเสนอแนวใหม่ให้สำนักการโยธา กทม.พิจารณา โดยแนวใหม่จะมีจุดเริ่มต้นอยู่ระหว่างรามอินทราซอย 17 และ 19 ตรงข้ามกับปากทางเข้าถนนลาดปลาเค้า ใกล้กับศูนย์บีควิก จากนั้นแนวเส้นทางจะตัดตรงไปเชื่อมกับถนนพหลโยธิน-รัตนโกสินทร์สมโภช ระยะทางประมาณ 2.1 กิโลเมตร เพิ่มขึ้นจากแนวเดิมเล็กน้อย

เวนคืน 60-80 หลังคาเรือน

สาเหตุ ที่เลือกบริเวณนี้ เพราะต่อไปเมื่อถนนตัดใหม่เสร็จ บริเวณสามแยกลาดปลาเค้าจะกลายเป็นสี่แยก ทำให้การเดินทางเชื่อมโยงกันได้มากขึ้น และแนวนี้

การเวนคืนที่ดิน จะลดลงเหลือประมาณ 60-80 หลังคาเรือนเท่านั้น ทำให้ลดต้นทุนโครงการไปได้ ซึ่งเส้นทางนี้ จากการฟังเสียงจากชาวบ้านก็เห็นด้วย จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา และทราบมาว่าเมื่อผลการศึกษาเสร็จ ทาง กทม.จะออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินทันที เพื่อให้โครงการเกิดเร็วขึ้น

สำหรับ รูปแบบถนน จะเป็นถนนตัดใหม่ขนาด 6 ช่องจราจร พร้อมระบบไฟฟ้า ประปา ระบบระบายน้ำที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากพื้นที่นี้ เมื่อปลายปีที่ผ่านมาอยู่ในโซนน้ำท่วม ดังนั้น การออกแบบจึงต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย ส่วนค่าก่อสร้างคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท

ผศ.เอกชัยกล่าวว่า เมื่อโครงการสร้างเสร็จจะช่วยเพิ่มความจุของถนนรามอินทรา ถนนพหลโยธิน และถนนใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังลดขนาดพื้นที่ปิดล้อมบริเวณย่านลาดปลาเค้า ชุมชนเจ้าพ่อเสือ ชุมชนซอยสายหยุด ชุมชนซอยทหารอากาศ ชุมชนวัดหนองผักชี ชุมชนวัชรพล-ตลาดถนอมมิตร และอีกหลายพื้นที่โดยรอบ และเป็นการเปิดพื้นที่การพัฒนาใหม่ในย่านนี้

ที่สำคัญจะช่วยแก้ ปัญหาการจราจรย่านบางเขน สายไหม หลักสี่ และรามอินทรา กม.1-8 เสริมโครงข่ายการคมนาคมใหม่ในพื้นที่ตอนเหนือและตะวันออกของกรุงเทพฯ คาดว่าถนนตัดใหม่เส้นนี้จะมีปริมาณการจราจรอยู่ที่ 26,000 คัน/วัน ที่จะมาใช้เพื่อเดินทางไปยังพหลโยธิน สายไหม รามอินทรา เป็นต้น โดยย่นระยะเวลาการเดินทาง ไม่ต้องอ้อม หรือไปกลับรถที่วงเวียนหลักสี่



ที่มา  :  วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555  กรุงเทพธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น