" รู้อย่างช่าง สร้างอย่างปราชญ์ "

 


Knowledges



Banner Web eBuild
Banner Web eBuild
Banner Web eBuild
หน้าหลักข่าวก่อสร้าง     ข่าวงานก่อสร้าง  
NEWS “สันติ”สั่งลุยบ้านเอื้อแสนหน่วยกคช.รับลูกปรับเกณฑ์ลดเสี่ยง
วันที่ลง : 25-Aug-2011   จำนวนคนอ่าน 77884

“สันติ พร้อมพัฒน์” สั่งกคช. ต่อยอดบ้านเอื้ออาทรเพิ่มอีก 1 แสนหน่วย เคหะฯลุยศึกษาปรับเกณฑ์ชดเชย-ราคา

 นายวิฑูรย์ เจียสกูล ผู้ว่าการแคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่าขณะนี้กคช.ได้รับมอบหมายจาก นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ให้กคช.สร้างที่อยู่อาศัยโครงการบ้านเอื้ออาทร เพิ่มอีก 1 แสนหน่วย โดย ให้กคช.เป็นพิจารณาถึงความเหมาะสม ในการดำเนินการ ทั้งทำเลที่ตั้งและราคาขาย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเหมือนกับโครงการบ้านเอื้ออาทรเดิม ซึ่งได้เรียนให้รัฐมนตรีทราบว่ากคช.จะไม่ค้ำประกันเงินกู้ให้กับลูกค้า เพื่อลดความเสี่ยงในการแบกรับค่าใช้จ่าย ในกรณีที่ลูกค้าค่างชำระกับสถาบันการเงิน และราคาจะต้องขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง
 “เราจะทำไม่ใช้ซ้ำรอยปัญหากับบ้านเอื้อ เพราะเรามีประสบการณ์ และจะดำเนินอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งรัฐมนตรีอยากให้กคช.ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติได้เสนอไปตามความเหมาะสม และไม่หนักใจถ้า 1 แสนหน่วยที่จะทำนั้นเป็นไปตามที่กคช.จะทำแบบค่อยเป็นค่อยไปบนความต้องการของตลาด” นายวิฑูรย์ กล่าวและว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับสภาพัฒน์ ในการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนการก่อสร้างที่ 1.2 แสนบาทต่อหน่วย ซึ่งสูงกว่างบประมาณอุดหนุนในโครงการบ้านเอื้ออาทรเดิมที่ 8 หมื่นบาทต่อหน่วย
  ส่วนความคืบหน้าโครงการบ้านเอื้ออาทร นายวิฑูรย์ กล่าวว่ายังคงเดินหน้าตามมติครม.สมัยรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ให้ปรับลดหน่วยก่อสร้างจาก 6 แสนหน่วยเหลือกว่า 2.8 แสนหน่วย ขณะนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว 2.5 แสนหน่วย เหลืออยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 หมื่นหน่วย คาดว่าต้นปี 2556 จะเสร็จสมบูรณ์ และได้ส่งรายชื่อรายชื่อลูกค้าที่ขอกู้ธนาคารไปแล้ว 1.7 แสนหน่วย อีก 3 หมื่นหน่วยเข้าโครงการเช่าซื้อกับกคช. ส่วนที่เหลืออีก 5 หมื่นหน่วยลูกค้าซื้อเงินสด
 นอกจากนี้ภารกิจในปีงบประมาณ 2554 ต่อเนื่อง 2555 กคช.ยังคงต้องลดภาระค่าใช้จ่าย และเพิ่มรายได้ ส่วนการชำระหนี้โครงการบ้านเอื้ออาทร กคช.ไม่มีความกังวลเนื่องจากสามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ซึ่งปัจจุบันมีภาระหนี้เหลืออยู่ 4 หมื่นล้านบาท จากเดิมกว่า 9 หมื่นล้านบาท โดยทรัพย์สินโครงการบ้านเอื้ออาทรมีมูลค่ามากกว่าภาระหนี้
 “กคช.มีกำไรติดต่อกัน 3 ปีๆละ1,000 ล้านบาท แต่ ปีงบประมาณ 2555 จะเป็นปีที่กคช.มีกำไรต่ำ เนื่องจากมีโครงการที่สร้างเสร็จน้อย และเพื่อรักษากำไรที่อยู่ในระดับ100 ล้านบาท" นายวิฑูรย์ กล่าวและว่า แนวทางเพิ่มรายได้กคช.จะมาจาก 3 ช่องทางคือ1.ลดรายจ่ายในองค์กร 2.ตัดขายที่ดินเปล่า 5-6แปลง มูลค่าต่อไร่ 6 แสน - 1 ล้านบาท โดยจะประกาศให้กับผู้ที่สนใจเข้ามาเสนอราคาแข่งในกลางเดือนก.ย.นี้
'เคหะ'เปิด11ทำเลทองดึงเอกชนร่วมลงทุน
 แนวทางที่3.เปิดโครงการร่วมทุนกับภาคเอกชน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้หลังจากกคช ใช้เวลา 2 ปีในการศึกษา โดยล่าสุด คณะกกรมการบริหารกคช.ได้อนุมัติระเบียบพ.ร.บ.ร่วมทุน เมื่อเดือนก.ค.2554 และภายใตพ.ร.บ.ร่วมทุนระหว่างภาครัฐเอกชน สำหรับโครงการเกินกว่า 1,000 ล้านบาท ในเบื้องต้นกคช. ได้นำที่ดินที่ 11 แปลง ทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัดมาเปิดประมูล ซึ่งนำร่องไปแล้ว4 โครงการ มูลค่าน้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบางพลีทาวน์โฮม, โครงการกรีนวิวล์ ขอนแก่น, โครงการนครสวรรค์ นิวมาร์ท และโครงการอุบลราชธานี ทาวน์โฮม ซึ่งอยู่ระหว่างคัดเลือกผู้ร่วมลงทุน คาดว่าจะลงนามร่วมดำเนินกิจการได้ภายในเดือนก.ย.นี้
 ส่วนอีก 11 โครงการ ประกอบด้วย โครงการที่มูลค่าต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โครงการเชียงใหม่(หนองหอย) พื้นที่ 4 ไร่ เหมาะกับหารพัฒนาเป็นโฮมออฟฟิตหรือทาวน์โฮม ,โครงการเชียงใหม่(ดอยสะเก็ต) พื้นที่ 30 ไร่ เหมาะกับการพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว ราคาไม่เกิน 2-3 ล้านบาท, โครงการชลบุรี(ชัยพรบิถี) พื้นที่ 33 ไร่, โครงการระยอง(บ้านฉาง2) พื้นที่ 33 ไร่, โครงการกระบี่น้อยพื้นที่ 53 ไร่, โครงการภูเก็ต(ถลาง) พื้นที่ 22 ไร่, โครงการภูเก็ต 2(การท่า) พื้นที่ 86 ไร่, โครงการภูเก็ต(เทพกษัตรี)พื้นที่ 7ไร่, โครงการร่มเกล้าพื้นที่ 30ไร่, และโครงการตรัง พื้นที่ 40 ไร่ แต่ละโครงการจะแนะนำรูปแบบการพัฒนาที่เหมาะสมด้วย ส่วนโครงการที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบางพลี 2 ส่วน คือพื้นที่ 52 ไร่ และ143  
 ปัจจุบันทั้ง11 โครงการอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ คาดว่าจะประกาศเชิญชวนภาคเอกชนที่สนใจร่วมลงทุนกับกคช.ได้ประมาณปลายปีนี้
 ด้านนายประชา ติยะพัฒนาพูติ ที่ปรึกษากคช. ยืนยันว่าประชาชนที่ซื้อบ้านผ่านโครงการร่วมทุน จะได้รับการคุ้มครองสิทธิสัญญาจะซื้อจะขาย แม้ว่าการดำเนินจะเป็นการดำเนินการ 2 สัญญา คือ สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและสัญญาการว่าจ้างปลูกสร้างบ้านโดยในเงื่อนไขร่วมทุนกคช. โดยเอกชนต้องรับประกันผลงานอย่างน้อย 2 ปี และที่ดินโครงการเอกชนจะนำไปจำนองเป็นหลักประกันกู้เงินไม่ได้


ที่มา :  วันที่ 24 สิงหาคม 2554  กรุงเทพธุรกิจ



TAG :

ร่วมแสดงความคิดเห็น

ชื่อ
Comment
กรุณาป้อนข้อมูลตามที่ปรากฏ

ข้อความในส่วนแสดงความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็นข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บบอร์ดไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ feedback@ebuild.co.thเพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้





สินค้าหมวดสถาปัตย์
สินค้าหมวดโครงสร้าง
แหล่งความรู้
eBuild Team
www..co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล Privacy Policy
Copyright 2009 Ebuild Co., Ltd. All Rights Reserved.