อเมริกัน สแตนดาร์ดฯ ทุ่มงบกว่า 172 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิตสุขภัณฑ์อีก 30% เป็น 2 ล้านชิ้นต่อปี รองรับตลาดในและต่างประเทศเติบโตสูง
นายเคร็ก เม็กเคคเคิร์น กรรมการผู้จัดการบริษัท อเมริกันสแตนดาร์ด บี แอนด์ เค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทจะเดินแผนรุกตลาดสุขภัณฑ์ภายในประเทศอย่างเต็มที่ หลังจากที่บริษัทได้ใช้เวลาในการเตรียมความพร้อมด้านการผลิตและการตลาดมาอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของกำลังการผลิตนั้น บริษัทได้ใช้เงินลงทุนกว่า 172 ล้านบาท ในการเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานที่ย่านรังสิตเป็น 1.6 ล้านชิ้น หรือเพิ่มอีก 30% จากเดิมผลิตอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านชิ้นต่อปี ขณะที่โรงงานที่จังหวัดระยอง มีกำลังการผลิตที่ 4 แสนชิ้นต่อปี ซึ่งรวมกำลังการผลิตทั้ง 2 โรงงานอยู่ที่ 2 ล้านชิ้นต่อปี ทั้งนี้ สาเหตุของการขยายกำลังผลิต เพื่อรองรับปริมาณความต้องการของตลาดมีเพิ่มขึ้นทั้งตลาดในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นการขยายตัวตามตลาดที่อยู่อาศัย ทั้งนี้เพื่อสอดรับกับแผนการบุกตลาดครั้งนี้ บริษัทได้ใช้งบประมาณกว่า 30 ล้านบาทในการทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ผ่านสื่อทีวี นิตยสาร รวมทั้งสื่อกลางแจ้ง โดยเฉพาะสื่อทีวีนั้นนับเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่มีการทำโฆษณา หลังจากที่ได้มีการสำรวจตลาดผู้บริโภคเกี่ยวกับแบรนด์นั้น ยังพบว่าผู้บริโภคยังจดจำแบรนด์ “อเมริกันสแตนดาร์ด” ได้เป็นลำดับต้นๆ” ในฐานะที่เป็นแบรนด์ที่คนไทยรู้จักมากว่า 42 ปี ซึ่งการทำโฆษณาครั้งนี้จะเป็นการฟื้นภาพลักษณ์ใหม่อีกครั้งภายใต้แคมเปญ “ Your Style,Your Way เลือกดีไซน์ บ่งบอกสไตล์ที่เป็นคุณ” พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อให้เกิดความหลากหลายทั้งด้านราคา และ ดีไซน์ โดยล่าสุด ได้ออกคอลเลคชั่นใหม่ คือ ยูดีเอส ที่ออกแบบโดยนาย โรเนน โจเซฟ ซึ่งเป็นดีไซเนอร์ที่มีชื่อระดับโลกมาออกแบบผลิตภัณฑ์ 2 ซีรีส์ คือ ชุดสุขภัณฑ์โนบิเล่ และ สุขภัณฑ์ ลาวิต้า เป็นต้น อย่างไรก็ดี จากการเตรียมความพร้อมดังกล่าว นายเคร็ก เชื่อมั่นว่า จะทำให้สามารถรับมือกับตลาดที่แข่งขันกันอย่างรุนแรงทั้งผู้ผลิตสุขภัณฑ์ภายในประเทศและสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีน และเชื่อว่าตลาดจะมีการแข่งขันกันรุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อเปิดเสรีทางการค้าภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี โดยบริษัทจะเน้นความได้เปรียบในเรื่องของคุณภาพของสินค้า รวมถึงการทำงานร่วมกันในบางส่วนกับ INAX ที่เป็นบริษัทแม่ญี่ปุ่นเพื่อเสริมจุดแข็งซึ่งกันและกัน พร้อมกันนี้ ผู้บริหารอเมริกันสแตนดาร์ด กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงใช้ไทยเป็นฐานในการผลิตสินค้าเพื่อการส่งสินค้าออกไปยังตลาดในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โดยตลาดหลักอยู่ที่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง และ สิงคโปร์
ที่มา : วันที่ 25 สิงหาคม 2554 กรุงเทพธุรกิจ
TAG : |