นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงกรณีเฟดพร้อมจะเพิ่มมาตรการผ่อนคลายเพื่อประคองเศรษฐกิจสหรัฐที่แย่กว่าที่คาดว่าเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่ามีต้องมีมาตรการเพิ่มสภาพคล่องรอบที่ 3 (QE3) เห็นได้จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เคยปรับลดลงไปในช่วงเดือน มิ.ย.ที่ตลาดกังวลต่อสถานการณ์ยุโรป ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดิบ ทองคำ ที่ราคาร่วงลงแตะระดับต่ำกว่า 90 ดอลลาร์/บาร์เรล และ 1,580-1,590 ดอลลาร์/ออนซ์ ตามลำดับ แต่หลังยุโรปเริ่มมองหาทางออกของปัญหาได้ ราคาปรับขึ้นมาอยู่ที่ 114 ดอลลาร์/บาร์เรล และ 1,690 บาท/ดอลลาร์ ตามลำดับในปัจจุบัน
"ตลาดได้รับประเด็น QE3 ไปพอสมควร เห็นได้จากราคาโภคภัณฑ์ที่อยู่ในระดับสูง และค่าเงินบาทก็เริ่มปรับตัวแข็งค่าขึ้น เพราะดอลลาร์เริ่มอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลต่าง ๆ"
นายเชาว์กล่าวว่า เฟดจำเป็นที่ต้องออกมาตรการ QE3 เพราะขณะนี้มีทางเลือก และแม้จะรู้ว่าประสิทธิภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจมีอยู่จำกัด เพราะตัวเลขว่างงานในสหรัฐยังคงอยู่ระดับสูง และถ้าใน
ต้นเดือน ก.ย.ตัวเลขว่างงานและดัชนีภาคอุตสาหกรรมและบริการของสหรัฐออกมาไม่ดี ยิ่งชัดเจนมากว่าเฟดต้องทำ QE3 ซึ่งจะมีประเด็นต้องระมัดระวัง คือการไหลเข้ามาลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงของเงินทุน
ที่รวมถึงการไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทย จะทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งคาดว่าสิ้นปีจะอยู่ที่ 29.50 บาท/ดอลลาร์ เพราะมาตรการ QE3 จะทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับทุกสกุล
"แต่ระหว่างนี้ก็มีประเด็นที่ต้องระวังอยู่ คือการแก้ปัญหาของยุโรป หากในที่สุดไม่สามารถจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพระยะยาว (ESM) ได้ ก็อาจทำให้เกิดความวิตก และนักลงทุนหันกลับไปถือเงินดอลลาร์ ทำให้เงินสกุลต่าง ๆ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ได้ในบางจังหวะ" นายเชาว์กล่าว
ขณะที่นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.ภัทร กล่าวว่า การเก็งกำไรในตลาดคงเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ โดยในระยะสั้นเห็นค่าเงินบาทแข็งค่าจากการไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะในตลาดพันธบัตรที่ความเสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนสูงเมื่อเทียบกับสหรัฐ
สำหรับการส่งสัญญาณของเฟดล่าสุด เชื่อว่าคงยังไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 5 ก.ย.นี้ เพราะตอนนี้ตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศยังไม่เกิด
ผลกระทบชัดเจน และค่าเงินยังไม่แข็งค่ามาก แต่หากเงินบาทกลับไปที่ 30 บาท/ดอลลาร์ คงมีผลต่อการตัดสินใจของ กนง.
"ในระยะสั้นอาจเห็นเงินไหลเข้าทำให้เงินบาทแข็งค่าก่อน แต่สักพักหากราคาน้ำมันสูงขึ้นเรื่อย ๆ ประเด็นที่ตามมาคือเงินเฟ้อและเงินบาทก็จะกลับมาอ่อนค่าได้" นายพิพัฒน์กล่าว
ขณะที่นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี เจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย กล่าวสอดคล้องกันว่า เงินเฟ้อจะเป็นปัญหาที่ตามมาหลังมาตรการ QE3 เพราะประเทศไทยมีการนำเข้าน้ำมันปริมาณมาก และที่ผ่านมา แม้การไหลเข้าของเงินทุนจะทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น ก็ไม่สามารถครอบคลุมราคาน้ำมันที่ขยับขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลต่อค่าเงินนั้น คาดว่า QE3 จะทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมีนัย จาก 31.00 บาท/ดอลลาร์ ไปอยู่ที่ 30.00-30.50 บาท/ดอลลาร์
"เฟดน่าจะรอดูความชัดเจนของสภาคองเกรสหลังเลือกตั้งก่อนว่าจะมีการต่อมาตรการด้านการคลังที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจถึง 4% ของจีดีพีออกไปหรือไม่ ซึ่งก่อนจะถึงตอนนั้นราวเดือน ก.ย.อาจจะได้เห็นมาตรการบางอย่างที่แสดงให้เห็นว่าดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับที่ผ่อนคลายก่อน แต่ประมาณเดือน ต.ค.-พ.ย. คงเริ่มชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการ QE3"
ขณะที่นางสาวสุทธาภา อมรวิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่และหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินว่า เป็นไปได้ที่เฟดจะประกาศออก QE3 ในการประชุมวันที่ 13 ก.ย.นี้ เพราะเฟดมีเวลาการออกมาตรการก่อนการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. ทั้งนี้เพราะหลังการเลือกตั้งรัฐบาลสหรัฐจะต้องมีการออกมาตรการเพื่อควบคุมวินัยทางการคลัง
แต่คาดว่า QE3 จะกระทบกับตลาดการเงินไม่มาก เพราะตลาดคาดไว้ล่วงหน้าแล้ว เห็นได้จากค่าเงินบาทมีการปรับตัวแข็งค่าขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ที่มา : 05 ก.ย. 2555 ประชาชาติธุรกิจ
TAG :กูรูหวั่นเฟดออกQE3ดันเงินเฟ้อพุ่ง เตือนรับมือระยะสั้นเงินไหลเข้า-กดเงินบาทแข็ง,ข่าวอสังหา,อสังหาริมทรัพย์,บ้าน,ที่อยู่อาศัย,ข่าวผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง,ข่าวก่อสร้าง,อีบิลด,eBuild,ข่าว,คอนโด,คอนโดเปิดใหม่ |