กกพ.ถกอาเซียน ลุย "ท่อก๊าซ-ไฟฟ้า" อาเซียน เสนอที่ประชุม ครม.พลังงานอาเซียน 11-13 ก.ย.นี้ เร่งศึกษาเปิดเสรีค้าก๊าซธรรมชาติ เปิดช่องภาคอุตสาหกรรมใช้พลังงานถูก ส่วนค่าเอฟทีไฟในประเทศขึ้นรอบใหม่ ก.ย.นี้ ต่ำกว่า 58 สตางค์ชัวร์ นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ผลการประชุมร่วมกับหน่วยงานกำกับกิจการพลังงานในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน เบื้องต้นข้อสรุปเรื่องการรวมตัวเพื่อจัดตั้งหน่วยกำกับกิจการพลังงานจากแต่ละประเทศ โดย กกพ.เป็นเจ้าภาพศึกษาและหารือเพิ่มเติม 3 เรื่อง คือเรื่องแรก การขยายความร่วมมือโครงข่ายไฟฟ้า (ASEAN GRID) เรื่องที่ 2 โครงข่ายเชื่อมโยงท่อก๊าซอาเซียน (ASEAN PIPELINE) เรื่องที่ 3 การเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมร่วมกันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานอาเซียน และคู่เจรจา 10 ประเทศ กำหนดจะจัดขึ้นระหว่าง 11-13 กันยายน 2555 ที่กรุงพนมเปญ กัมพูชา
ประเด็นโครงข่ายเชื่อมโยงท่อก๊าซอาเซียนได้หารือเกี่ยวกับกฎระเบียบการค้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือแอลเอ็นจี ในกลุ่มสมาชิกอาเซียน เพื่อให้มีมาตรฐานและกฎระเบียบเดียวกัน รวมทั้งสร้างความมั่นคงทางพลังงานในภูมิภาค เรื่อยไปจนถึงการวางมาตรฐานเชื่อมโยงท่อก๊าซธรรมชาติร่วมกัน เพื่อรองรับการต่อท่อก๊าซธรรมชาติจากแหล่งก๊าซในประเทศอินโดนีเซียเข้ามาขายในอาเซียน
"ระหว่างนี้ กกพ.ได้เร่งพิจารณาเรื่องการวางกฎระเบียบ และศึกษาแนวทางการเปิดให้บริษัทผู้ค้าก๊าซธรรมชาติรายอื่น นอกจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้ามาแข่งขันขายก๊าซธรรมชาติได้อย่างเสรี โดยได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาให้ศึกษาการวางกฎระเบียบ อัตราค่าใช้จ่ายการใช้ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และคลังจัดเก็บแอลเอ็นจี ให้ผู้ค้าก๊าซธรรมชาติทุกรายสามารถเข้าถึงได้ และสามารถแข่งขันด้านราคาได้อย่างเต็มที่
"เปิดทางผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติทั้งภาคอุตสาหกรรม และโรงไฟฟ้า สามารถเลือกซื้อก๊าซธรรมชาติจากผู้ค้าที่พร้อมจำหน่ายในราคาต่ำที่สุดได้ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนภาคอุตสาหกรรม และการผลิตไฟฟ้าลดลงด้วย คาดการณ์ภายในสิ้นปี 2555 ผลการศึกษาจะแล้วเสร็จ จากนั้น กกพ.จะพิจารณาขั้นตอนต่อไปให้ลุล่วงภายในปี 2556 อาจสามารถเปิดให้มีการแข่งขันในธุรกิจก๊าซธรรมชาติได้"
นายดิเรกกล่าวต่อว่า ระหว่างการประชุมกับสมาชิกอาเซียนยังได้ข้อตกลงเกี่ยวกับอาเซียนกริด กำหนดข้อตกลงด้านมาตรฐานการเชื่อมต่อสายส่งไฟฟ้าระหว่างประเทศ ได้แก่ มาตรฐานความปลอดภัย หลักการคิดอัตราค่าเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างประเทศ การขายไฟฟ้าข้ามประเทศ และการแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆให้อยู่ในรูปแบบเดียวกัน ซึ่งจะทำให้การซื้อขายไฟฟ้าในกลุ่มประเทศอาเซียนมีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
ส่วนประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากโครงการอาเซียนกริด คือช่วยประหยัดงบประมาณการก่อสร้างโรงไฟฟ้า โดยจะใช้วิธีซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่ใช่ช่วงความต้องการใช้สูงสุด (peak) มาใช้ช่วงพีกของไทย เพราะที่ผ่านมาไทยใช้วิธีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อรองรับช่วงการใช้ไฟฟ้าช่วงพีกแต่ละวันมาตลอดอยู่ 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงก่อนเที่ยง ช่วงบ่าย และช่วงเย็น ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านมีช่วงพีกเช่นกัน แต่คนละเวลากับไทย ทำให้ไทยสามารถซื้อไฟฟ้าจากเพื่อนบ้านแทนการสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มได้ ขณะเดียวกันก็สามารถส่งไฟฟ้าขายให้เพื่อนบ้านช่วงพีกได้
นายดิเรกกล่าวเพิ่มเติมถึงอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ที่จะปรับขึ้นงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2555 นั้น มีแนวโน้มต่ำกว่าพอสมควรจากที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คาดการณ์ไว้ที่ 58 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะนำเงินชดเชยที่ ปตท.ต้องจ่ายจากกรณีอุบัติเหตุท่อส่งก๊าซแหล่งปลาทองรั่วเมื่อปีที่ผ่านมา 2,400 ล้านบาท มาลดหย่อนค่าเอฟที และอาจจะให้ กฟผ.รับภาระในส่วนหนึ่ง แต่ตัวเลขค่าเอฟทีที่แน่นอน จะประชุมสรุปชัดเจนอีกครั้งวันที่ 6 กันยายนนี้
สำหรับการขึ้นค่าเอฟทีปี 2555 นั้นทางภาครัฐพยายามตรึงไว้ เพื่อช่วยแบ่งเบาความเดือดร้อนของประชาชน
ที่มา : 03 ก.ย. 2555 ประชาชาติธุรกิจ
TAG :กกพ.ชงผุด"ท่อก๊าซ-ไฟฟ้า"อาเซียน จ่อขึ้นค่าเอฟทีในประเทศก.ย.นี้ต่ำกว่า58สตางค์,ข่าวอสังหา,อสังหาริมทรัพย์,บ้าน,ที่อยู่อาศัย,ข่าวผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง,ข่าวก่อสร้าง,อีบิลด,eBuild,ข่าว,คอนโด,คอนโดเปิดใหม่ |