ตีคู่ความร้อนแรงไม่แพ้กระแส "ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน" (เออีซี) สำหรับการเปิดประเทศอย่างเป็นทางการของประเทศพม่า ส่งผลให้หลายธุรกิจจดจ้องหาโอกาสขยายการลงทุนไปในพม่ามากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น โครงการท่าเรือน้ำลึก "ทวาย" ก็เป็นตัวช่วยโหมกระแสให้พม่าคงความเนื้อหอมไปอีกหลายปี ด้วยเหตุนี้เอง ภาคธุรกิจการเงินไทยจึงต้องเตรียมแผนรับมือยอดธุรกรรมต่างประเทศที่จะมีมากขึ้นในอนาคต

แบงก์ใหญ่ที่ปูพรมไปแล้วอย่าง"ธนาคารกรุงเทพ"ที่ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารกลางของพม่ามานานกว่า 17 ปี พร้อมทั้งขยายเครือข่ายไปในธนาคารของรัฐในพม่า 2 แห่ง และสำนักงานผู้แทนในกรุงย่างกุ้ง ล่าสุดได้ขยายความร่วมมือกับ 4 ธนาคารเอกชนชั้นนำของพม่า ได้แก่ Asia Green Development Bank, Ayeyarwaddy Bank, Co-operative Bank และ Kanbawza Bank เพื่อให้บริการธุรกรรมด้านการค้า การลงทุน และการโอนเงินแก่คู่ค้าในพม่า ทำให้ธนาคารจะมีเครือข่ายพันธมิตรในพม่ารวม 6 ราย

โดย นางวัลลภา กลิ่นประทุม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ธนาคารจะนำร่องบริการโอนเงินจากไทยไปยังเมียนมาร์ และขยายบริการนี้ให้ครอบคลุมไปยังสาขาของธนาคารกรุงเทพในประเทศจีน ญี่ปุ่น และทุกประเทศในอาเซียน

"ความร่วมมือกับธนาคารพันธมิตรในพม่า จะสามารถให้บริการลูกค้าที่มีธุรกิจ หรือที่กำลังวางแผนเริ่มทำธุรกิจในพม่า ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมรับกระแสความสนใจของนักลงทุนทุกประเทศที่ต้องการเข้าไปลงทุนในพม่า ตลอดจนธนาคารก็มีความพร้อมในการจัดตั้งเออีซีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า"

อีกธนาคารรายใหญ่ที่กำลังตามไปติดๆคือ "ธนาคารกรุงไทย" ที่เพิ่งจัดตั้งสำนักงานผู้แทนในกรุงย่างกุ้งเมื่อไม่นานมานี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย เคยพูดถึงบทบาทของธนาคารในพม่าว่า พร้อมจะสนับสนุนลูกค้าที่เข้าไปรับงานในโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายในด้านบริการสินเชื่อและธุรกรรมต่างประเทศเพราะถือเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่และผู้ประกอบการไทย ไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่ รายกลาง หรือเอสเอ็มอี ควรมีบทบาทในการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตรับมือการแข่งขันในเออีซีได้

นอกจากนี้ธนาคารกรุงไทยจะยกระดับสาขาคุนหมิงในประเทศจีนเป็นศูนย์กลางในการให้บริการการค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคตลอดจนการทำธุรกรรมสกุลเงินหยวนซึ่งยังอยู่ระหว่างการขออนุญาตจากธนาคารกลางจีน โดยสาขาคุนหมิงจะทำหน้าที่เชื่อมโยงการค้าชายแดนภายใต้เออีซีและอาเซียน +3 ที่รวมจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นด้วย

ด้าน "ธนาคารไทยพาณิชย์" ภายหลังจากที่ประกาศเดินแผนปักธงในประเทศอาเซียน ล่าสุดแผนรุกตลาดในพม่าเริ่มเห็นความชัดเจนว่า สำนักงานผู้แทนจะเปิดให้บริการนักลงทุนไทยและต่างประเทศภายในสิ้นปีนี้ รวมทั้งพร้อมสนับสนุนโครงการลงทุนในทวาย ในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและเงินกู้ระยะยาว แต่โครงการดังกล่าวใช้เม็ดเงินลงทุนสูง ดังนั้นธนาคารพร้อมหาพันธมิตรร่วมกับสถาบันการเงินอื่น ๆ ด้วย

ส่วน ธนาคารกสิกรไทย ประเมินว่า สิ่งที่รัฐบาลของพม่าจะต้องเร่งทำ คือการปรับปรุงกฎหมายด้านการเงินและการลงทุน เพื่อสนับสนุนนโยบายเพิ่มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เพราะอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินท้องถิ่นและดอลลาร์ยังไม่มีความเสถียรภาพ ทำให้เม็ดเงินจากต่างประเทศส่วนใหญ่ยังหมุนเวียนในตลาดมืดมากกว่าสถาบันการเงิน ทั้งนี้หากกฎหมายดังกล่าวมีความชัดเจนภายในปีนี้ จะทำให้โครงการลงทุนในทวายมีความคืบหน้าได้เร็วยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังประเมินว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการไทยยังขาดความรู้และความเข้าใจในพื้นฐานของประเทศในอาเซียน ทั้งวัฒนธรรม กฎหมายการค้าการลงทุน และการแข่งขันกับคนท้องถิ่น ทำให้ยังมีความกังวลและไม่กล้าเข้าไปลงทุนในประเทศเหล่านั้น ทั้ง ๆ ที่มีปัจจัยพื้นฐานช่วยลดต้นทุนการผลิต เช่น การขยายธุรกิจสิ่งทอขั้นปลายไปในประเทศกัมพูชา
จะเห็นได้ว่านี่คือ "โอกาสทอง" ของธนาคารพาณิชย์ไทยต่อกระแสการลงทุนในประเทศพม่า พร้อมทั้งยังต้องปรับตัวรับมือกับเออีซีในอีกไม่ถึง 3 ปีข้างหน้าด้วย เพียงแต่การเติบโตในธุรกิจต่างประเทศ ไม่ใช่แค่การขยายสาขาธนาคาร หรือการตั้งสำนักงานผู้แทนเท่านั้น ยังมีอีกหลายธนาคารในประเทศอาเซียนที่เห็นโอกาสงาม ๆ แบบนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นก้าวต่อไปของสถาบันการเงินไทยจะต้องมีจุดยืนเป็น Regional Bank ของอาเซียนให้ได้ เพราะแค่ Local Bank ยังเล็กเกินไป



ที่มา  :  28 ส.ค. 2555  ประชาชาติธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น