"สบน.-สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ" กระทรวงการคลัง หารือร่วมกับกระทรวงคมนาคม เพื่อหาแนวทางบริหารความเสี่ยงเงินกู้ต่างประเทศหลังจากเกิดวิกฤตยูโรโซน โฟกัสอย่างตั้งใจไปที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม พบว่ามี 5 หน่วยงานที่มีภาระหนี้เงินกู้ทั้งในและต่างประเทศที่เป็นสกุลเงินเยนและยูโร

ประกอบด้วย "รฟม.-การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย", "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย", "ทีจี-บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)", "ทอท.-บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)" และ "ทล.-กรมทางหลวง"

โดย "รฟม." มียอดหนี้ 106,204.41 ล้านบาทประมาณ 87% เป็นสัดส่วนหนี้ต่างประเทศสกุลเงินเยน หรือ 87,257.31 ล้านบาท ที่เหลือ 13% หรือ 12,947.10 ล้านบาท เป็นหนี้เงินกู้ในประเทศ ส่วนใหญ่กู้เงินมาสร้างรถไฟฟ้าสายปัจจุบัน (หัวลำโพง-บางซื่อ) และสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) ปัจจุบันยังไม่มีการปิดความเสี่ยง เพราะ รฟม.ได้รับจัดสรรงบประมาณเฉลี่ยปีละกว่า 5,000 ล้านบาทเท่านั้น เพื่อชำระหนี้

ขณะที่ "ร.ฟ.ท." มีภาระหนี้คงค้างรวม 111,407.41 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้บริหารความเสี่ยง แยกเป็นหนี้ในประเทศ 96.31% หรือ 107,399.69 ล้านบาท หนี้ต่างประเทศสกุลเงินเยน-ยูโร 3.69% หรือ 4,007.72 ล้านบาท

"การบินไทย" รายงานสถานะการเงินว่า ปัจจุบันมีเงินกู้อยู่ประมาณ 145,192 ล้านบาท ส่วน "ทอท." มีหนี้ต่างประเทศทั้งหมดเป็นสกุลเงินเยน รวม 143,323,342,472 เยน หากคิดเป็นเงินสกุลบาทในปัจจุบัน (อัตราแลกเปลี่ยน 40 บาท) ภาระหนี้อยู่ที่ 57,329,336,988.8 บาท ปิดความเสี่ยงหนี้ต่างประเทศไปแล้ว 78% หรือ 112,246,873,000 เยน เหลืออีก 22%

หรือ 31,076,342,472 เยน ที่ยังไม่ได้ปิดความเสี่ยง ส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่กู้มาสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ

สุดท้าย "กรมทางหลวง" มีภาระ 1,943 ล้านบาท เป็นหนี้เงินกู้ระยะที่ 1 เพื่อสร้างโครงการก่อสร้างถนนขนาด 4 ช่องจราจร ที่ได้ลงนามไปแล้วเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2553 ที่ผ่านมา


ที่มา  :  17 ส.ค. 2555   ประชาชาติธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น