ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯชี้บ้านจัดสรรนนทบุรีครึ่งปีแรกอ่วม เจ้าของโครงการ บางบัวทอง-บางใหญ่ ต้องตามซ่อม ชี้อัตราดูดซับอืดจาก 20 เดือน เป็น 4-5 ปี นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า หลังสถานการณ์น้ำท่วมปลายปีที่แล้ว ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดนนทบุรีเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะบ้านจัดสรร โดยนับเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 ยูนิต พบว่า ใน อ.บางใหญ่และบางบัวทอง มีบ้านที่มียอดขายและสร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้ส่งมอบกว่า 9,000 ยูนิต ทำให้ช่วงครึ่งปีแรก ผู้ประกอบการต้องเข้าไปซ่อมบ้านก่อนส่งมอบ

และยังพบว่า อัตราการดูดซับโครงการบ้านจัดสรรในนนทบุรีทุกระดับราคาเปลี่ยนไป จากช่วงครึ่งปีแรกปี 2554 ที่มีอัตราดูดซับ 5.0% ใช้เวลาขายโครงการประมาณ 20 เดือน แต่ในช่วงครึ่งปีหลังเกิดน้ำท่วม อัตราดูดซับเหลือเพียง 1.6% ใช้เวลาขายโครงการ 4-5 ปี

นายสัมมา กล่าวว่า ในนนทบุรีมียูนิตขายที่อยู่อาศัยในผังโครงการทั้งสิ้น 45,900 ยูนิต แบ่งเป็นบ้านจัดสรรประมาณ 34,300 ยูนิต มียูนิตเหลือขาย 14,831 ยูนิต และอาคารชุดมีในผังโครงการทั้งสิ้น 11,600 ยูนิต มียูนิตเหลือขาย 4,805 ยูนิต และมียูนิตที่เปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งปีนี้ 8 โครงการ รวม 6,230 ยูนิต

ด้าน น.ส.ศิริรัตน์ ทรัพย์ไพบูลย์ หัวหน้ากลุ่มวิชาการที่ดิน สำนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ยอดซื้อขายที่ดินครึ่งปีแรกประมาณ 5,000 ราย จากเดิม 7,000 ราย ขณะที่การจดทะเบียนอาคารชุดเติบโตขึ้นมาก เปิดตัว 120 โครงการ รวม 33,862 ยูนิต ส่วนบ้านจัดสรรมีการจดทะเบียนเพียง 32 โครงการเท่านั้น

นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผู้บริโภคในนนทบุรีเริ่มทยอยกลับมา โดยให้เหตุผลว่าไม่รู้จะย้ายไปอยู่ที่ไหน ทั้งนี้ เชื่อว่าอนาคตจะมีคอนโดมิเนียมเกิดมากขึ้น เนื่องจากราคาบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ในนนทบุรีปรับขึ้นเฉลี่ยปีละ 8% ตามต้นทุนที่ดิน

ขณะที่นายไพโรจน์ สุขจั่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และนายกสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า เดิมตลาดบ้านจัดสรรในจังหวัดนนทบุรีเป็นตลาดที่มีการแข่งขันไม่รุนแรง โดยเฉพาะการใช้แคมเปญ แต่หลังน้ำท่วมทำให้เห็นการแข่งขันอัดแคมเปญผ่านป้ายโฆษณาขนาดใหญ่มากขึ้น อาทิเช่น ประกันน้ำไม่ท่วม

ด้าน ร.อ.กรี เดชชัย ประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นนทบุรีมีปัจจัยบวกจากการก่อสร้างสาธารณูปโภค อาทิเช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ บริเวณท่าน้ำนนท์ ขณะที่ยังมีปัจจัยลบจากทำเลที่เคยเกิดน้ำท่วม



ที่มา  :  วันที่ 26 กรกฎาคม 2555  กรุงเทพธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น