ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างเริ่มมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น โดยช่วงไตรมาส 2/55 หุ้นกลุ่มนี้มีมูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) เฉลี่ยต่อวัน 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาส 4/54 มีวอลุ่มเฉลี่ย 2.9 พันล้านบาท

นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย กล่าวว่า มีแนวโน้มกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างจะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน นับตั้งแต่ไตรมาส 2 จนถึงปลายปีนี้ เนื่องจากหลายบริษัทรับรู้ยอดขาย (backlog) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยอด presale โดยรวมก็ออกมาดีตามความต้องการ และกำลังซื้อที่ดีขึ้นของประชาชนโดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่น่าลงทุนเป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์แนวราบ เช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ฯลฯ เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวดิ่ง เช่น คอนโดมิเนียม เริ่มจะมีสินค้าล้นตลาด (over supply) แล้ว จึงไม่น่าสนใจลงทุนเมื่อเทียบกับบ้านแนวราบ สำหรับหุ้นที่น่าสนใจลงทุนมีหลายตัว

ด้านบทวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส แนะนำ "ซื้อ" บมจ.แสนสิริ (SIRI) โดยเอเซียพลัสได้ปรับเพิ่มราคาหุ้นเหมาะสมที่ 2.79 บาท ภายใต้พี/อี (อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น) ประมาณ 8 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มีพี/อีสูง 10 เท่าขึ้นไป หากนักลงทุนราคาในปัจจุบันจะให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลถึง 8.5%

สาเหตุที่ต้องปรับประมาณการหุ้น SIRI เนื่องจากช่วงไตรมาส 2 แสนสิริมียอดพรีเซลสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของตลาดที่ระดับ 7,274 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านแนวราบ 3,240 ล้านบาท และคอนโดฯ 4,040 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการเปิดโครงการใหม่ในทำเลหัวหินและภูเก็ต ซึ่งพบว่าหลายโครงการขายหมดทันที เช่น บ้านคุ้นเคย, Summer ในหัวหิน และ The Base Downtown ภูเก็ต ที่เปิดขายปลายเดือน มิ.ย. 55 แต่มียอดจองแล้วกว่า 86% จากมูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท ทำให้ยอดรวมครึ่งปีแรก SIRI มียอดพรีเซลรวมเท่ากับ 1.82 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 51% ของเป้าหมายทั้งปีที่ 3.6 หมื่นล้านบาท

ส่วนในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังมีแผนจะเปิด 21 โครงการใหม่ มูลค่า 2.66 หมื่นล้านบาท ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่เปิด 23 โครงการมูลค่า 2.23 หมื่นล้านบาท ยิ่งทำโอกาสการรับรู้รายได้ดีขึ้น

ขณะเดียวกัน ประเมินว่า SIRI จะมีรายได้จากการขายไตรมาส 2 ที่ 5,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QOQ) และประมาณการกำไรช่วง 2 ไตรมาสแรกไว้ที่ 432 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.5%

นอกจากนี้ บล.เอเซียพลัส ยังแนะนำ "ซื้อ" PS เนื่องจากราคาหุ้นจะกลับไปอยู่บนพื้นฐานก่อนน้ำท่วมที่เคยอยู่ระดับ 18-20 บาท โดยให้ราคาที่เหมาะสมที่ 18.75 บาท ประกอบกับคาดการณ์ไตรมาส 2 PS จะมียอดพรีเซลสูงถึง 7,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากไตรมาสก่อน โดยเป็นยอดขายประมาณ 83% มาจากโครงการแนวราบ หลังจากที่กำลังซื้อเริ่มกลับมา ขณะที่ภาพรวมครึ่งปีแรกมียอดพรีเซล 12,688 ล้านบาท คิดเป็น 44% ของเป้าหมายที่วางไว้



ที่มา  :  15 ก.ค. 2555   ประชาชาติธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น