สถาบันการก่อสร้างฯ ชี้ ไทยต้องสร้างมาตรฐานก่อสร้างให้พร้อม ก่อนจะถึงกำหนดเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) แนวทางล่าสุดที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานวางไว้ คือการออกใบรับรองช่างฝีมือ ซึ่งคาดว่าจะนำมาใช้ในเดือน ก.ย.นี้ นำร่องก่อนเดินหน้าเปิดธนาคารเพื่อการก่อสร้าง ด้าน ส.อุตฯ ก่อสร้างย้ำไทยต้องตั้งสภาก่อสร้าง และยกร่างกฎหมายคุมมาตรฐานต่างชาติ
นายจักรพร อุ่นจิตต์ ผู้อำนวยการสถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคก่อสร้างของไทยจำเป็นต้องปรับตัวหลายส่วน เพื่อก้าวสู่การเปิดเออีซี โดยเรื่องสำคัญที่สุดคือมาตรฐานของช่างฝีมือแรงงาน ที่ผ่านมามีประชาชนโทรศัพท์เข้ามาที่สถาบันและถามว่า จะหาช่างฝีมือหรือผู้รับเหมาดีๆ ได้ที่ไหน สะท้อนถึงการขาดแคลนมาตรฐานและความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการและช่างฝีมือในไทย
“เมื่อไม่มีมาตรฐาน ก็ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถประเมินค่าจ้างที่เหมาะสมแก่ช่างฝีมือได้ วิชาชีพอื่นๆ เช่น สถาปนิกก็มีใบรับรองแล้ว สถาบันจึงได้ร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อจัดทดสอบมาตรฐานทั้งข้อเขียนและภาคปฏิบัติแก่ช่างฝีมือ โดยผู้สอบผ่านจะได้รับใบรับรองฝีมือแรงงาน เป็นการยืนยันความสามารถ คาดว่าจะเริ่มต้นทำการทดสอบได้ในเดือน ก.ย.นี้”
นอกจากนี้ สมาพันธ์การก่อสร้างแห่งอาเซียน (เอซีเอฟ) ยังได้กำหนดกรอบมาตรฐานช่างฝีมือไว้ทั้งหมด 9 ประเภท โดยทำเสร็จไปแล้ว 6 ประเภท ขณะที่ไทยจัดทำมาตรฐานช่างฝีมือเสร็จไปเพียงแค่ 2 ประเภท คือ ช่างระบบแบบหล่อ และช่างผูกเหล็ก
สถาบันฯ ยังได้พูดคุยกับกระทรวงการคลังและสมาคมธนาคารไทย ในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการก่อสร้างโดยเฉพาะ เนื่องจากที่ผ่านมาสถาบันการเงิน มักไม่ปล่อยสินเชื่อแก่เอสเอ็มอีภาคก่อสร้าง เพราะกังวลความเสี่ยง หากมีธนาคารเพื่อการก่อสร้างโดยเฉพาะจะช่วยลดปัญหาดังกล่าว
ด้านนายอังสุรัสมิ์ อารีกุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ไทยยังต้องตั้งกำแพงควบคุมการเข้ามาของผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างและวิศวกรต่างชาติด้วย ปัจจุบันในมาเลเซีย แต่ละรัฐมีกฎระเบียบควบคุมการก่อสร้างโดยเฉพาะ ในสิงคโปร์มีข้อบังคับว่าจะต้องมีวิศวกรในประเทศกี่คนต่อจำนวนวิศวกรนำเข้า ขณะที่ไทยยังไม่มีมาตรการป้องกันใดๆ ทำให้อาจมีผู้ประกอบการรายเล็กและรายย่อยต่างชาติที่ ไม่ได้มาตรฐาน เข้ามาทำงานและทิ้งงาน ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค
ไทยควรจัดตั้งสภาการก่อสร้าง เพื่อออกกฎหมายควบคุมมาตรฐานฝีมือแรงงานและมาตรฐานการก่อสร้างของผู้ประกอบการที่จะเข้ามาในประเทศ กำหนดค่าชดเชยและบทลงโทษที่ชัดเจน
สำหรับมูลค่าธุรกิจก่อสร้างของไทยในปีล่าสุด อยู่ที่ 8.09 แสนล้านบาท ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่ามูลค่าธุรกิจก่อสร้างปีนี้น่าจะอยู่ที่ 923,000-934,000 ล้านบาท โตขึ้น 12.2-13.5%
ในวันที่ 19-21 ก.ย.นี้ สมาคมได้จัดงาน CONSTECH 2012 ขึ้น ณ อาคาร 8 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อแสดงถึงเทคโนโลยีการก่อสร้างที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคแรงงานขาดแคลนและเพื่อก้าวสู่เออีซีด้วย โดยได้เชิญเอซีเอฟเข้าร่วมงานด้วย ปัจจุบันมีผู้เข้าจองพื้นที่แล้วประมาณ 80%
ที่มา : วันที่ 18 มิถุนายน 2555 กรุงเทพธุรกิจ
TAG : |