อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์ ปรับแผนส่งออกเฟอร์นิเจอร์หลังเสียเปรียบต้นทุน-ราคาคู่แข่ง ผุดขยายแฟรนไชส์ต่างประเทศ พร้อมบุกตลาดในประเทศทดแทน น.ส.กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดส่งออกเฟอร์นิเจอร์ของอินเด็กซ์เผชิญภาวะการแข่งขันที่รุนแรง โดยคู่แข่งสำคัญทั้งจีน มาเลเซีย เวียดนาม ต่างมีความได้เปรียบในด้านแรงงาน โครงสร้างราคา และต้นทุนดำเนินการต่างๆ ทำให้การส่งออกเดิมมีสัดส่วน 20-30% ลดลงเหลือประมาณ 10%

ดังนั้น บริษัทได้ปรับแผนธุรกิจมุ่งขยายตลาดเฟอร์นิเจอร์ในต่างประเทศ ด้วยการขายแฟรนไชส์ร้านเฟอร์นิเจอร์อินเด็กซ์ และอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งในด้านแบรนด์และรายได้

ปัจจุบันมีการขยายแฟรนไชส์ในกว่า 10 ประเทศ ปีนี้เตรียมเปิดตลาดในประเทศเนปาล และตะวันออกกลางในปีหน้า ขณะเดียวกัน มุ่งขยายตลาดในประเทศ ซึ่งยังมีช่องว่างทางการตลาดอีกมากรองรับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านอินเด็กซ์ในรูปแบบต่างๆ  พร้อมกันนี้ ยังได้ศึกษาโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งจะเปิดตัวในปีหน้าด้วย

“ตลาดส่งออกมีสัดส่วนลดลงแต่ไม่เป็นปัญหา เพราะมีตลาดทดแทน โดยภาพรวมธุรกิจของอินเด็กซ์ มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง” น.ส.กฤษชนก กล่าวและว่า สำหรับแผนการทำตลาดในประเทศ จะมุ่งใช้โมเดลธุรกิจ เดอะ วอล์ค คอมมูนิตี้มอลล์ ในการขยายเครือข่าย ล่าสุดเปิดให้บริการอินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์ สาขาที่ 19 เกษตร-นวมินทร์ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเดอะ วอล์ค คอมมูนิตี้มอลล์ รองรับกำลังซื้อในย่านดังกล่าวนี้ คาดว่าปีแรกจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาท

ทั้งนี้ นโยบายการปรับค่าจ้างแรงงานของรัฐบาล ได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนธุรกิจเพิ่มขึ้น ประกอบกับการปรับขึ้นของวัตถุดิบ ค่าขนส่ง ฯลฯ คาดว่าจะมีผลต่อราคาสินค้าต้องปรับเพิ่มขึ้น 5-10% ในไตรมาส 3 นี้ด้วย

น.ส.กฤษชนก กล่าวด้วยว่า ภาพรวมกำลังซื้อในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมา เติบโต 15% คิดเป็นมูลค่ายอดขาย 4,500 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นผลจากวิกฤติน้ำท่วมในช่วงปลายปีก่อน  ปัจจุบันสถานการณ์การซื้อสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน เพื่อซ่อมแซมบ้านในขณะนี้เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยบริษัทตั้งเป้าหมายธุรกิจเติบโตไม่ต่ำกว่า 7% ในปีนี้ หรือมียอดขายกว่า 8,600 ล้านบาท

“พบว่าลูกค้ายังไม่ซื้อเฟอร์นิเจอร์เพื่อการซ่อมแซมเต็มที่ ซื้อเพียง 30-40% พอใช้งาน เพราะรอดูเหตุการณ์ว่าจะเกิดน้ำท่วมซ้ำในปีนี้หรือไม่ หากไม่มีปัญหาภัยพิบัติรอบใหม่ คาดว่าลูกค้าจะกลับมาซื้ออีก 60% ที่เหลือในไตรมาสสุดท้าย”



ที่มา  :  วันที่ 1 มิถุนายน 2555  กรุงเทพธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น