"พฤกษา"เผยยอดขายไตรมาสแรกลดฮวบ33% ชี้ผู้บริโภคยังขาดความมั่นใจหลังน้ำท่วมใหญ่ คาดการซื้อปกติตั้งแต่ไตรมาส2 ย้ำคีย์ซัคเซสปีนี้ไม่ใช่"ยอดขาย" นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลประกอบการของบริษัทไตรมาส 1 ว่า มียอดขาย 5,669 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทำได้ 8,465 ล้านบาท หรือลดลง 33% โดยแบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียมมากที่สุด 47% ทาวน์เฮ้าส์ 33% และบ้านเดี่ยว 21% สำหรับยอดรับรู้รายได้อยู่ที่ 4,675 ล้านบาท ลดลงจากยอด 5,460 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 14% และยอดกำไรสุทธิ 633 ล้านบาท ลดลงจาก 731 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา  13%

ทั้งนี้ สาเหตุที่ยอดทั้งหมดลดลงเป็นผลกระทบจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคยังไม่มั่นใจในการซื้อบ้านช่วงไตรมาสแรกมากนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4 ปี 2554 พบว่า ยอดขายในไตรมาสแรกมีอัตราเติบโตขึ้นมาก เช่น ยอดขายที่หยุดชะงักไปจนเหลือเพียง 225 ล้านบาท ก็เติบโตขึ้นมาถึง 2,312%

นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบยอดขายเป็นรายเดือนพบว่า ยอดขายดีขึ้นเป็นลำดับ คือ เดือน ม.ค.มียอดขาย 919 ล้านบาท เดือน ก.พ. 1,456 ล้านบาท เดือน มี.ค. 3,254 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อสถานการณ์น้ำท่วมดีขึ้นแล้ว และมั่นใจว่าตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ สถานการณ์จะเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลัง จะมีแนวโน้มกลับสู่สภาวะปกติ แต่พฤกษายังไม่มีแนวคิดจะปรับแผนการเปิดตัวโครงการหรือเพิ่มเป้ายอดขาย รวมถึงจะยังคงเน้นการพัฒนาบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์เช่นเดิม

ด้านนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนการลงทุนของพฤกษานั้น จะเน้นเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนในไตรมาส 2 จะเปิดโครงการใหม่เพียง 7 โครงการเท่ากับไตรมาสแรก อย่างไรก็ดี ปีนี้พฤกษามีแผนจะพัฒนาที่ดิน 425 ไร่ ในย่านพัฒนาการ 32  อย่างน้อย 4-5 โครงการ จากทั้งหมด 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 12,000-15,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มจากการเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว “เดอะ แพลนท์” ระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปในเดือน มิ.ย.นี้

“ปีนี้มีปัญหารอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ที่หากยาก มีการเสนอราคาสูงขึ้น เมื่อมีผู้ประกอบการแห่ไปทำคอนโดมิเนียม หากเรายังดึงดันทำโครงการก็จะได้แค่จำนวน แต่อาจได้กำไรน้อยลงมาก อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องแรงงานขาดแคลน หากพยายามจะเร่งเปิดโครงการ ก็อาจส่งมอบได้ไม่ทันตามกำหนด เราจึงมองว่ากุญแจแห่งความสำเร็จของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ไม่ใช่เรื่องยอดขาย แต่อยู่ที่กำลังการผลิต หากใครผลิตได้มาก ส่งมอบทัน ก็สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคได้” นายประเสริฐกล่าว

สำหรับความคืบหน้าของการพัฒนาโครงการที่ประเทศเวียดนามนั้น ปัจจุบันบริษัทได้รับใบอนุญาตแล้ว และได้ทำการเวนคืนที่ดินไปแล้วประมาณ 90% คาดว่าจะพร้อมเปิดโครงการได้ในช่วงสิ้นปีนี้



ที่มา  :  วันที่ 10 พฤษภาคม 2555  กรุงเทพธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น