ญี่ปุ่นงดพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ครั้งแรกรอบกว่า 40 ปี ต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติ-น้ำมันเพิ่มเป็นการทดแทน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัทฮอกไกโด อิเลกทริค เพาเวอร์ จำกัด ได้ปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 3 ขนาด 912 เมกะวัตต์ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ เมื่อเวลา 23.03 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันเสาร์ (5 พ.ค.) เพื่อบำรุงรักษาพิเศษเป็นแห่งสุดท้าย ถือเป็นการเข้าสู่ศักราชใหม่ของญี่ปุ่น ที่จะลดการพึ่งพาไฟฟ้า จากพลังงานนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ทศวรรษ นับจากช่วงทศวรรษที่ 2513 เป็นต้นมา

การปิดโรงไฟฟ้าเพื่อบำรุงรักษาพิเศษ เกิดขึ้นหลังจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากคลื่นสึนามิเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554

ญี่ปุ่น กลายเป็นประเทศ ที่ปลอดพลังงานนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกใน 42 ปี หลังปิดเตาปฏิกรณ์ตัวสุดท้ายจากทั้งหมด 50 เตา เพื่อซ่อมบำรุง ท่ามกลางความวิตกว่า จะเกิดไฟฟ้าขาดแคลน ขณะที่ภาครัฐและเอกชนเร่งส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก

หนังสือพิมพ์ไมนิจิ รายงานโดยอ้างคำพูดของนายยูกิโอะ เอดาโนะ รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม ที่กล่าวว่า ญี่ปุ่นอาจจะเข้าสู่สถานะไม่พึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์ในการผลิตไฟฟ้าชั่วคราว

ในภาวะเช่นนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจจะชะลอตัวลงในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า เนื่องจากจะต้องพึ่งพาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และน้ำมันในภาคการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าของโรงงาน และค่าใช้ไฟฟ้าของสำนักงาน และบ้านเรือนทั่วประเทศขยับสูงขึ้น

สถิติการนำเข้าก๊าซธรรมชาติของญี่ปุ่น ในช่วงปีงบประมาณ 2554 สิ้นสุดในเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา สูงขึ้นถึง 27% สู่ระดับ 52.9 ล้านเมตริกตัน และบริโภคน้ำมันปิโตรเลียมในปีที่แล้วในระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ถึง 23.3 กิโลลิตร (147 ล้านบาร์เรล) ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการบริโภคก๊าซธรรมชาติและน้ำมันเพื่อการผลิตไฟฟ้า

ที่ผ่นมา ภาคธุรกิจญี่ปุ่น ปรับตัวเพื่อรับมือกับค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้นกันแล้ว เช่น บริษัทชิโคกุ เรลเวย์ ผู้ให้บริการเดินรถไฟบนเกาะที่เล็กที่สุดของประเทศ 4 เกาะ ได้ประกาศลดจำนวนเที่ยวการให้บริการรถไฟลง และเพิ่มหัวรถจักรที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลมากขึ้น ส่วนบริษัทอีซากิ กลิโค ผู้ผลิตขนมหวานในเมืองโอซากา เปลี่ยนช่วงเวลาการผลิตสินค้าจากกลางวันเป็นกลางคืนและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าร่วม โดยใช้พลังงานที่เหลือจากการผลิตไอศกรีม ในการผลิตไฟฟ้าสำหรับโรงงานของบริษัท



ที่มา  :  วันที่ 7 พฤษภาคม 2555  กรุงเทพธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น