"เอสซี แอสเสท" จ่อรุกตลาดรับเออีซี นำร่องโรดโชว์สิงคโปร์ มิ.ย. และฮ่องกง ต.ค.นี้ ฟันธงไตรมาส 2 ยอดขายไม่ต่ำกว่า 2.5 พันล้าน ร.อ.กรี เดชชัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อรองรับการรวมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในอีก 3 ปีข้างหน้า บริษัทจะเริ่มต้นทำตลาดกับผู้บริโภคชาวต่างชาติมากขึ้น โดยได้ร่วมกับบริษัทนายหน้าสแควร์ฟีต นำคอนโดมิเนียมแบรนด์ “เดอะเครสท์” ที่สุขุมวิท 24 สุขุมวิท 49 และหัวหิน ไปโรดโชว์ขายในต่างประเทศ เริ่มต้นที่สิงคโปร์ในเดือน มิ.ย. และฮ่องกง ในเดือน ต.ค.นี้

“การโรดโชว์ครั้งนี้ไม่ได้หวังผลมากนัก เพราะโครงการที่นำไป ก็ยังสามารถขายผู้บริโภคในประเทศให้หมดได้” ร.อ.กรี กล่าวและว่า สำหรับยอดขายในช่วงไตรมาสแรก บริษัทมียอดขายเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 90% ที่ 2,500 ล้านบาท จากที่ตั้งเป้าไว้ 2,300 ล้านบาท ถือว่าตลาดค่อยๆ ฟื้นตัวหลังเกิดมหาอุทกภัย หากถึงสิ้นไตรมาส 3 ไม่เกิดเหตุการณ์ใดขึ้น ยอดขายจะเติบโตได้ดีกว่านี้ และไตรมาส 2 คาดว่าจะมียอดขายไม่น้อยกว่าไตรมาสแรก

ไตรมาสแรกเปิดโครงการใหม่ไป 4 โครงการ ส่วนไตรมาส 2 จะเปิดอีก 3 โครงการ ได้แก่ คอนโดผสมบ้านพักตากอากาศ “เดอะ เครสท์ ซานโตรา หัวหิน” บนพื้นที่กว่า 11 ไร่ ในหัวหินซอย 7 ประกอบด้วย อาคาร 4 ชั้น 10 อาคาร ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 4.5 ล้านบาทขึ้นไป ราคาเฉลี่ย 100,000 บาทต่อ ตร.ม. และบ้านพักตากอากาศอีก 10 หลัง ราคาเริ่มต้นที่ 30 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 1,250 ล้านบาท ระหว่างที่ยังไม่เปิดตัวเป็นทางการ สามารถขายไปได้แล้วเกือบ 400 ล้านบาท จะเปิดให้จองอย่างเป็นทางการในต้นเดือน พ.ค.นี้

อีก 2 โครงการ คือ คอนโดมิเนียม “เซ็นทริค สาทร-เซ็นต์หลุยส์” บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ จำนวน 368 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 100,000 บาทต่อ ตร.ม. มูลค่าโครงการรวม 1,700 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยว “ไลฟ์ บางกอก บูเลอวาร์ด พระราม 2” บนพื้นที่ 15 ไร่ จำนวน 52 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 6 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 450 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี เนื่องจากต้นทุนแรงงานและวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนปรับตัวขึ้นราว 5-7% บริษัทจึงอาจพิจารณาปรับขึ้นราคาบ้านราว 3-5% ในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ สำหรับบางโครงการ เช่น บางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์-พระราม 5 บริษัทได้เข้าไปปรับปรุงโครงการ โดยถมถนนให้สูงกว่านอกโครงการกว่า 1 เมตร พร้อมปรับปรุงสาธารณูปโภคภายใน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค

ส่วนแผนลงทุนโครงการต่างจังหวัด เตรียมไว้ปีหน้า 2 โครงการ คือ บ้านเดี่ยวที่ชะอำ 1 โครงการ บนพื้นที่ 52 ไร่ ราคา 7-40 ล้านบาท มูลค่ารวม 1,350 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมพัทยาเหนือ บนพื้นที่ 5 ไร่กว่า 1,000 ยูนิต ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีแผนแยกแผนก บริหารทรัพย์สินออกมาเป็นอีกบริษัทภายใน 3 ปีนี้ รองรับธุรกิจที่ขยายตัวมากขึ้นด้วย



ที่มา  :  วันที่ 30 เมษายน 2555  กรุงเทพธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น