นาย สมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการ สภาอุตสหากรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าทางผู้บริหารของ ส.อ.ท. จะหารือกับ นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน เพื่อขอผ่อนปรนนโยบายการปรับค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาล โดยภาคเอกชนต้องการให้ทะยอยปรับค่าจ้างปีละ 10-15% เพื่อให้ค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศอยู่ในระดับ 300 บาทต่อวัน ภายใน 3-4 ปี แต่หากปรับขึ้นทันทีทั่วประเทศในวันที่ 1 มกราคม 2555 จะทำให้ผู้ประกอบการต้องใช้เงินในการจ่ายค่าแรงพนักงานเพิ่มอีกราว 15,000 ล้านบาทต่อเดือน หรือคิดเป็นเงิน 180,000 ล้านบาทต่อปี จากปกติที่โรงงานต้องจ่ายค่าแรงขั้นต่ำแก่แรงงาน 9 ล้านคนอยู่แล้วไม่ต่ำกว่า 400,000 -500,000 ล้านบาทต่อปี
สำหรับ ค่าแรงส่วนต่างที่เอกชนต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 180,000 ล้านบาทต่อปีนั้น ถือเป็นต้นทุนที่ผู้ประกอบการไม่ไหวแบกไหว แต่หากรัฐบาลยืนยันที่จะเดินหน้านโยบายตามที่หาเสียงไว้กับประชาชน ก็ต้องการให้รัฐบาลช่วยรับภาระส่วนเกินจำนวนหนึ่งเพื่อลดความเดือดร้อนของ นายจ้าง เพราะหากโรงงานอยู่ไม่ได้ก็จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของนายจ้างด้วย
ส่วนการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวัน นำร่องใน 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, สมุทรสาคร, ปทุมธานี, นครปฐม, นนทบุรี, สมุทรปราการ และภูเก็ต ทางประธาน ส.อ.ท.แต่ละจังหวัดออกมาระบุว่า กลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังไม่มีความพร้อมในเรื่องนี้ จึงต้องการให้รัฐบาลผ่อนคลายนโยบายเช่นเดียวกัน โดยให้เวลาในการปรับขึ้นสอดคล้องกันคือ 3-4 ปี
ด้านนายพยุงศักดิ์ ชาติวิสุทธิผล ประธานส.อ.ท. กล่าวว่า ประเด็นที่หารือกับ รมว.แรงงาน จะเน้นเกี่ยวกับผลกระทบจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ เช่น การลดจ่ายเงินสมทบเข้า กองทุนประกันสังคม การลดหย่อนค่าสาธารณูปโภคให้ผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ทั้งเรื่องค่าน้ำ ค่าไฟ และภาคเอกชนส่วนใหญ่ต้องการที่จะให้รัฐบาลทะยอยปรับค่าจ้างภายใน 3-4 ปี เพราะภาคเอกชนจะสามารถตั้งตัวได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พฤหัสบดีที่ 15 กันยายน 2554
TAG : |