การรถไฟฯเร่งสำรวจหน้าดินแนวเขตทางรถไฟทั่วประเทศ มีผู้เช่ากว่า 14,000 สัญญา รื้อรูปแบบ-ราคาโครงการใหม่ ชี้รถไฟทางคู่-ไฮสปีดเทรน ดันมูลค่าที่ดินสูงขึ้น เล็งนำที่ดินรอบสถานีแนวเส้นทางออกยั่วน้ำลายเอกชนเข้าร่วมประมูล คาดสิ้นปีเปิดประมูล 3 ทำเลทอง "มักกะสัน-แม่น้ำ-กม.11" ควบคู่รื้อแผนแม่บทใหม่ 13 สถานีรวด นายประเสริฐ อัตตะนันท์ รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างให้ฝ่ายบริหารทรัพย์สินของการรถไฟฯ รวบรวมที่ดินมีศักยภาพในการพัฒนาทั่วประเทศในแนวรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็ว สูงเพื่อนำมาพัฒนาโครงการ เพิ่มรายได้ เนื่องจากต่อไปที่ดินสองข้างทางรถไฟจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากและมีมูลค่า เพิ่มขึ้น ดังนั้น การรถไฟฯจึงจะรวบรวมที่ดินทั้งหมดและจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษามาทบทวนราคา ที่ดินพร้อมกับปรับมูลค่าการลงทุนแต่ละแปลงใหม่ให้สอดคล้องกับปัจจุบัน พร้อมนำเสนอรูปแบบการพัฒนาโครงการ เช่น ที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้า สำนักงาน เป็นต้น เนื่องจากต่อไปจะนำที่ดินแต่ละแปลงออกเชิญชวนให้เอกชนเข้ามาร่วมทุนพัฒนา โครงการด้วย "ตอนนี้เรารอดูแนวเส้นทางและสถานีจุดจอดของรถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูงให้ชัดเจนก่อน จากนั้นจะให้ที่ปรึกษามาศึกษาโครงการพัฒนาที่เหมาะสมแต่ละสถานีว่าจะทำอะไร ได้บ้าง และจะให้เช่าจัดหาผลประโยชน์แบบระยะยาวหรือระยะสั้น" นาย ประเสริฐกล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ฝ่ายบริหารทรัพย์สินหยุดการต่อสัญญาเช่าที่ดินทั่ว ประเทศกว่า 14,000 สัญญาไว้แล้ว เพื่อสำรวจว่าที่ดินแต่ละแปลงที่ให้เอกชนมาทำสัญญาให้นั้นอยู่ในแนวรถไฟทาง คู่และรถไฟความเร็วสูงหรือเปล่า หากมีแปลงไหนที่อยู่ในเส้นทางจะให้หยุดการต่อสัญญาเช่าออกไป แต่หากแปลงที่ดินจุดไหนที่ไม่อยู่ในแนวเส้นทางให้เดินหน้าต่อสัญญาเช่าหรือ เปิดประมูลหารายได้ต่อไป "แปลงที่พร้อมเปิดประมูลหาเอกชนมาร่วมลงทุนได้เลย สำหรับแปลงใหญ่ ๆ ก็ มีมักกะสัน 497.1 ไร่ แม่น้ำ 277 ไร่ บริเวณ กม.11 พื้นที่ 359.21 ไร่ อยู่ระหว่างทบทวนมูลค่าโครงการและผลตอบแทนที่จะได้ จากเดิมที่ปรึกษาเคยศึกษาไว้พบว่าตลอดอายุสัญญาเช่า 30 ปี ที่ดินมักกะสันจะมีรายได้ 75,305 ล้านบาท แม่น้ำมีรายได้ 34,475 ล้านบาท และ กม.11 มีรายได้ 30,208 ล้านบาท คาดว่าน่าจะเริ่มประกาศเชิญชวนได้ภายในปีนี้" นายประเสริฐกล่าวอีก ว่า นอกจากนี้จะทบทวนแผนแม่บทการพัฒนาจัดหาผลประโยชน์พื้นที่สถานี จำนวน 13 แห่งที่เคยศึกษาไว้เมื่อปี 2552 โดยจะขออนุมัติจากคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฯ เพื่อจ้างบริษัทที่ปรึกษามาทบทวนมูลค่าและรูปแบบโครงการใหม่พื้นที่สถานี 13 แห่งนี้เป็นสถานีที่อยู่ในพื้นที่มีศักยภาพประกอบด้วยสถานีกาญจนบุรี สถานีหัวหิน สถานีฉะเชิงเทรา สถานีอรัญประเทศ สถานีเชียงใหม่ สถานีพิษณุโลก สถานีลำปาง สถานีอุตรดิตถ์ สถานีนครราชสีมา สถานีขอนแก่น สถานีบุรีรัมย์ สถานีศรีสะเกษ และสถานีหาดใหญ่
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (6 เมษายน 2556)
TAG :"รถไฟ"พลิกหน้าดิน13สถานี เหนือจดใต้-เปิดประมูลใหม่,อีบิลด |