ออก โรงเตือนกันดัง ๆ บนเวทีเสวนา "70 ปี วิศวกรรมไทย ก้าวไกลไปกับ AEC" ที่จัดโดย "ว.ส.ท.-วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์" เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ วิชาชีพวิศวกรไทยจัดเป็นหนึ่งในกลุ่มสินค้าบริการที่เปิดเสรีอย่างเต็มที่ นั่นหมายถึงแนวโน้มนักวิศวกรคนไทยจะต้องเผชิญการแข่งขันดุเดือดจากเพื่อน ร่วมวิชาชีพที่จะมาจากประเทศเพื่อนบ้านอีก 9 ประเทศที่เหลือ ชำแหละวิกฤตวิศวกรไทย โดย เฉพาะอย่างยิ่ง มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกวิศวกรชาติอาเซียนด้วยกันเข้ามาแย่งงาน หลังจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในอีก 2 ปีข้างหน้า หากยังไม่เร่งปรับตัว รวมทั้งตื่นรู้ในการสร้างขีดความสามารถให้กับตัวเอง "ไกร ตั้งสง่า" อุปนายก ว.ส.ท. ระบุว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนผู้ประกอบอาชีพวิศวกร แนวโน้มคาดว่าจะรุนแรงมากขึ้นในอนาคต ดังนั้น จึงอยากให้ภาครัฐเข้ามามีบทบาทส่งเสริมสนับสนุนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในด้าน "ค่าตอบแทน" ที่ยังมีอัตราต่ำกว่าวิศวกรต่างชาติที่เข้ามารับงานในไทยอยู่ค่อนข้างมาก "ใน ขณะนี้คืออาชีพวิศวกรของไทยกำลังอยู่ในขั้นวิกฤต เพราะคนรุ่นใหม่เลือกเรียนด้านนี้น้อยลงเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา ตรงจุดนี้ก็ต้องรีบหาทางแก้ไข" ค่าตัวที่ปรึกษาไทยจิ๊บจ๊อย ขณะ เดียวกัน มุมมองจากวิชาชีพวิศวกรที่ปรึกษา "สุพจน์ โล่ห์วัชรินทร์" นายกสมาคมวิศวกรที่ปรึกษาแห่งประเทศไทย บอกว่า อาชีพวิศวกรที่ปรึกษายังขาดการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม ช่างแตกต่างจากรัฐบาลสิงคโปร์-มาเลเซียที่ให้การสนับสนุนแก่บริษัทที่ออกไป รับงานในต่างประเทศ อีกประเด็นที่ค่อนข้างเป็นห่วงหลังการเปิดเออี ซีคือ ความเท่าเทียมในเรื่องค่าตอบแทนวิศวกรที่ปรึกษา เพราะในปัจจุบันอัตราค่าตอบแทนระหว่างวิศวกรไทยและต่างชาติมีความเหลื่อมล้ำ กันอย่างชัดเจน เช่น ค่าจ้างในการออกแบบอาคารของบริษัทไทยจะอยู่ที่ 1.75-3% ของมูลค่าโครงการ ขณะที่ต่างชาติได้รับในอัตราที่สูงกว่าเริ่มต้นที่ 4% ขึ้นไปของมูลค่าโครงการ เป็นต้น แนะแปรวิกฤตเป็นโอกาส ตบ ท้ายด้วย "สมิตร โอบายะวาทย์" นายกสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้แสดงความเป็นห่วงว่า บุคลากรบางวิชาชีพยังไม่มีความพร้อมในการแข่งขัน ทั้งในด้านภาษาและความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ นอกจากนี้ ในปี 2558 ตลาดวิศวกรและสถาปนิกจะเปิดกว้าง ทำให้เกิดมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้นในการรับบุคลากรเข้าทำงานจากกลุ่มประเทศอา เซียน บทสรุปบนเวทีสัมมนา วิทยากรล้วนเห็นตรงกันว่า "วิศวกร-สถาปนิกไทย" มี "จุดอ่อน" ในเรื่องของการใช้ภาษาอังกฤษที่ไม่คล่องแคล่ว กลายเป็นจุดตายเมื่อเทียบกับบุคลากรของประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นจึง เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง "รัฐ-เอกชน" หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง อย่างน้อยที่สุดจะต้องร่วมกันหาทางแปรเปลี่ยนแนวโน้มที่จะเป็นวิกฤต ให้กลายเป็นแนวโน้มแห่งโอกาสของสถาปนิก-วิศวกรหลังเปิดเออีซี
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (6 เมษายน 2556)
TAG :"สถาปนิก-วิศกรไทย",หนาวหัวใจ ,จะอยู่หรือไป,นับถอยหลัง 2 ปีเปิดเออีซี,อีบิลด |