วันนี้ "ถนนสาทร" เริ่มคึกคักหลังมีโรงแรม คอนโดมิเนียม รวมทั้งโครงการอาคารสำนักงานเกิดใหม่ที่แข่งกันผุดขึ้นมาราวดอกเห็ด
ว่ากันว่า...ถนนสายนี้สาววันสาวคืน สวยวันสวยคืน เป็นย่านไพรมแอเรียรองรับการขยายตัวธุรกิจที่ล้นทะลักมาจาก "ย่านสีลม" ที่ตอนนี้พื้นที่เต็มเหนี่ยวจริง ๆ
ด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งยังพอมีพื้นที่ว่างหลงเหลือ แถมยังได้แต้มต่อมีรถไฟฟ้าบีทีเอส "สถานีช่องนนทรี" ที่เป็นแม่เหล็ก ความสำคัญเพิ่มมากขึ้นไปอีกเมื่อกลายเป็นชุมทางเชื่อมต่อการเดินทางของรถ 2 ระบบ คือ "รถไฟฟ้าบีทีเอส-รถเมล์บีอาร์ที"
สะพานเชื่อมธุรกิจโฟกัสไปที่เครือข่ายอสังหาริมทรัพย์ของแลนด์ลอร์ดราชันย์น้ำเมา ถามว่าเขาให้ความสำคัญกับถนนสาทรมากแค่ไหน คำตอบคือก็มากเพียงพอที่จะทุ่มลงทุน 100 ล้านบาท สร้างทางเชื่อมหรือสกายวอล์กแล้วมอบให้ "กทม.-กรุงเทพมหานคร" ตั้งแต่ในยุคที่เพิ่งจะเข้ามาเป็นเจ้าของตึกเอ็มไพร์สเตตใหม่ ๆ
จากวันนั้นถึงวันนี้ "สะพานเชื่อม" แห่งนี้ไม่ได้เป็นแค่ทางเชื่อมรถไฟฟ้าเพื่อให้คนทำงานย่านนี้เดินเข้าตึก หรืออาศัยร่มเงายามเมื่อแดดแรง
แต่ด้วยรูปโฉมดีไซน์เป็นรูปโดมคล้ายคันธนูที่ดูแปลกแหวกแนว จึงได้กลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ถูกโหวตให้เป็น 1 ใน 10 อันดับที่คนกรุงนิยมไปเที่ยวเพื่อถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก
จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ล่าสุดภาพเริ่มเด่นชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อ "เสี่ยเจริญ" เจ้าพ่อน้ำเมาที่มีไลฟ์สไตล์ชอบช็อปอสังหาฯเป็นชีวิตจิตใจ ได้ทุ่มเม็ดเงินเข้าไปซื้อหุ้น "โกลเด้นแลนด์-บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์" จนกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 51% ผ่าน "บมจ.ยูนิเวนเจอร์" ธุรกิจในเครือไปเมื่อไม่นานมานี้
ตรวจนับทรัพย์สินในพอร์ตโกลเด้นแลนด์พบว่าล้วนอยู่ในทำเลเด่นดังทั้งนั้น จึงไม่แปลกที่ "เสี่ยน้ำเมา" จะทุ่มทุนเก็บบริษัทนี้มาตุนไว้ในพอร์ต แม้ว่าจะประสบปัญหาขาดทุนอยู่ก็ตาม
ยิ่งเมื่อเจาะลึกเฉพาะโครงการในทำเล "ถนนสาทรใต้" พบว่ามีอาคารสำนักงาน โรงแรม คอนโดมิเนียม ที่ "เสี่ยเจริญ" ตีตราจองกระจุกอยู่ในรัศมีไม่ห่างไกลกันมาก รวม ๆ กันคิดเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท
จนทำให้คนจากวงการพร็อพเพอร์ตี้
เมืองไทยประเมินกันว่า "เสี่ยเจริญ" ต้องการจะนำมาต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจพื้นที่เช่าในทำเลย่านนี้ ต่อจากตึกเอ็มไพร์ที่ซื้อไปเมื่อหลายปีก่อน ทั้งหมดนี้เพื่อกรุยทางไปสู่เป้าหมายยกชั้น "ถนนสาทร" ให้กลายเป็น "วอลล์สตรีต" เทียบชั้นกับต่างประเทศ
สี่แยกมูลค่าสินทรัพย์หมื่นล้าน
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" เริ่มออกสำรวจอาคารต่าง ๆ ภายใต้เครือข่ายเสี่ยเจริญเป็นเจ้าของในทำเลนี้ เริ่มต้นจาก "สี่แยก" หรือจุดตัดระหว่างถนนสาทร-นราธิวาส มุ่งหน้าไปยัง "สถานีบีทีเอสช่องนนทรี" ติดกับทางขึ้น-ลงสถานี ฝั่งตรงข้ามเป็น "อาคารสาทรธานีคอมเพล็กซ์"
พบว่ามีสินทรัพย์เก่าของโกลเด้นแลนด์ เป็นโปรเจ็กต์คอนโดมิเนียมหรูรูปทรงคล้ายกลีบดอกกล้วยไม้ แบรนด์ "ดิ อินฟินิตี้" อาคารสูง 33 ชั้น จำนวน 123 ยูนิต ที่สามารถชมวิวทิวทัศน์เมืองกรุงเทพฯได้แบบพาโนรามาแปลงติดกันเป็นอาคารสำนักงานให้เช่า "สาทร สแควร์" สูง 40 ชั้น บนพื้นที่เช่า 73,000 ตารางเมตร ปัจจุบันมีผู้เช่าแล้วกว่า 60% มูลค่าโครงการ 4,400 ล้านบาท
เขยิบมาทางด้านหลังบริเวณสถานทูตรัสเซียเดิม พื้นที่บางส่วนถูกพัฒนาเป็น "โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพ" ระดับ 6 ดาว มูลค่าโครงการ 5,807 ล้านบาท จำนวน 407 ห้อง พื้นที่ 47,300 ตารางเมตร เป็นโครงการร่วมทุนกับกลุ่มดูไบ โดยกลุ่มโกลเด้นแลนด์ถือหุ้น 20% อีก 80% เป็นของดูไบ
ทุ่มพันล้านรีโนเวตตึกเอ็มไพร์
ข้ามฝั่งมาอยู่ตรงข้ามกับ "ตึกสาทรสแควร์" บริเวณหัวมุนถนนสาทรใต้ เป็นที่ตั้ง อาคาร "เอ็มไพร์ ทาวเวอร์" สำนักงานให้เช่าที่ "เสี่ยเจริญ" ควักเงิน 4,000 ล้านบาทซื้อต่อจากกลุ่มทุนฮ่องกงเมื่อปี 2540 ปัจจุบันมูลค่าเพิ่มทะลุหลักหมื่นล้าน
ล่าสุด "เสี่ยเจริญ" กำลังรีโนเวตตึกให้เป็นอาคารสำนักงานใหม่ มีความสะดวกทันสมัยมากขึ้น และเพิ่มพื้นที่เชิงพาณิชย์ เป็นศูนย์การค้าขนาดย่อม พร้อมสรรพด้วยร้านค้า ร้านอาหารชื่อดัง และฟิตเนส ด้วยเม็ดเงินกว่า 1,000 ล้านบาทเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์คนทำงานย่านนี้ คืบหน้าล่าสุดตั้งเป้าอวดโฉมใหม่และเปิดบริการได้ในปลายปีนี้
นอกจากนี้ ยังรองรับลูกค้าคนอยู่อาศัยคอนโดมิเนียม "หรูพร้อมอยู่" ด้านหลังตึกเอ็มไพร์ที่ลงทุนโดยกลุ่มทีซีซี แคปปิตอล แลนด์ แบรนด์ "ดิ เอ็มไพร์ เพลส" สูง 45 ชั้น จำนวน 493 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3-5 ล้านบาทอัพ มูลค่าโครงการ 4,700 ล้านบาท
เมื่อเดินเลยขึ้นไปเยื้องกับ "โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพ" จะเป็นโครงการ "ดิ แอสคอท สาทร แบงคอก" โครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์และโรงแรมบนพื้นที่ 25,000 ตารางเมตร สูง 36 ชั้น จำนวน 177 ห้อง มีมูลค่าโครงการ 2,236 ล้านบาท ที่ร่วมทุนกับกลุ่มสิงคโปร์
จากจุดและตำแหน่งที่ตั้งของอาคารแต่ละแห่ง จะมี "สกายวอล์ก" มูลค่าร้อยล้านที่เจ้าสัวเจริญทุ่มทุนสร้าง วันนี้ผลิดอกออกผลเป็นตัวเชื่อมโยงคนและธุรกิจเข้าด้วยกัน

ร่วมแสดงความคิดเห็น