นายเกษม ศรีวรานันท์ วิศวกรใหญ่ด้านสำรวจและออกแบบ กรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ได้รับมอบหมายจากนายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง ให้เดินหน้าออกแบบรายบะเอียดก่อสร้างโครงการถนนวงแหวนรอบที่3 ล่าสุดอยู่ระหว่างขอปรับเปลี่ยนรายการงบประมาณประจำปี 2556 จำนวน 80 ล้านบาท ที่กรมได้รับจัดสรรเพื่อนำมาทบทวนผลการศึกษาโครงการก่อสร้างถนนวงแหวนรอบที่ 3 ซึ่งกรมได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมโครงการเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีระยะทาง 254 กม. ค่าก่อสร้างประมาณ 150,000 ล้านบาท

แต่หลังเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2554 กระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้กรมทบทวนโครงการ ให้เพิ่มในส่วนของคลองระบายน้ำเข้าไปด้วย โดยขุดคลองผันน้ำอยู่ตรงกลางและสร้างถนนขนาบข้าง เพื่อผันน้ำจากช่วงอยุธยาลงมายังอ่าวไทย

ล่าสุดเมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา กรมได้แจ้งในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัย (กบอ.) ขอยกเลิกโครงการดังกล่าวแล้ว โดยกรมจะนำงบประมาณ 80 ล้านบาทนี้มาจ้างบริษัทที่ปรึกษา เพื่อออกแบบรายละเอียดและประเมินค่าก่อสร้างโครงการต่อไป

เนื่องจากคณะกรรมการ กบอ.ได้มีการเปิดให้เอกชนมาออกแบบรายละเอียดโครงการป้องกันน้ำท่วมอย่างยั่งยืนและกำหนดเส้นทางระบายน้ำที่ชัดเจนแล้ว กรมจึงคิดว่าแนวคิดที่จะบูรณาการถนนวงแหวนรอบที่ 3 ให้รองรับกับการระบายน้ำไปด้วยนั้นไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป

"จะยกเลิกการขุดคลองผันน้ำ จะสร้างเฉพาะถนนอย่างเดียว เพราะโครงการมีความสำคัญที่จะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรโซนตะวันออกของกรุงเทพฯในย่านปทุมธานีและสมุทรปราการ จึงต้องเดินหน้าโครงการต่อไป" นายเกษมกล่าวและว่า กรมจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างเฉพาะในส่วนพื้นที่ฝั่งตะวันออกก่อน ซึ่งมีระยะทาง 97 กม. โดยจะใช้แนวเส้นทางเดิมที่ศึกษาไว้ มีรัศมีห่างจากถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออกประมาณ 15 กม.

โดยจะออกแบบรายละเอียดและก่อสร้างบริเวณที่มีปัญหาเรื่องการจราจรก่อนเป็นอันดับแรก แนวเส้นทางจะพาดผ่าน 2 จังหวัด คือ ปทุมธานี บริเวณอ.ธัญบุรี จุดตัดบนถนนหมายเลข 305 (รังสิต-นครนายก) บริเวณ กม.25+850 จะวิ่งลงมาคู่ขนานไปกับรั้วสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วมาตัดกับมอเตอร์เวย์สายกรุงเทพ-ชลบุรี บริเวณ กม. 23+900 จากนั้นตัดตรงมาตัดกับถนนบางนา-ตราด กม.ที่ 24 ในพื้นที่ อ.บางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ระยะทางประมาณ 52 กิโลเมตร จะก่อสร้างเป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจร คาดว่าค่าก่อสร้างเบื้องต้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท/กม. หรือตลอดเส้นทางอยู่ที่ประมาณ 26,000 ล้านบาท ส่วนค่าเวนคืนที่ดินคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท จะใช้เวลาศึกษารายละเอียดประมาณ 1 ปี และใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์  (27  มีนาคม 2556)

ร่วมแสดงความคิดเห็น