" รู้อย่างช่าง สร้างอย่างปราชญ์ "

 


Knowledges



Banner Web eBuild
Banner Web eBuild
Banner Web eBuild
หน้าหลักข่าวก่อสร้าง     ข่าวอสังหาริมทรัพย์  
NEWS เงินต่างชาติทะลักไล่ซื้อคอนโด แห่เก็งกำไร/จีน-อินเดียแรงรุกครบสูตร
วันที่ลง : 04-Mar-2013   จำนวนคนอ่าน 536

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า จากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้แสดงความห่วงใยปัญหาแนวโน้มฟองสบู่ที่อาจจะเกิดขึ้นและส่งผลกระทบรุนแรง ต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เนื่องจากกระแสเงินร้อนหรือฮอตมันนี่จากต่างประเทศไหลทะลักเข้ามาจำนวนมาก ทั้งลงทุนในตลาดหุ้น ตราสารหนี้ และการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ธปท.จึงเฝ้าจับตามองเป็นพิเศษ พร้อมกับส่งสัญญาณเตือนให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องระมัดระวัง โดยเฉพาะการซื้อขายอสังหาฯ ในลักษณะเก็งกำไร เพราะแม้ขณะนี้ปัญหาดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้นแต่ไม่อาจไว้วางใจได้

ทั้ง นี้จากการตรวจสอบไปยังบริษัทตัวแทนขายอสังหาฯชั้นนำจากต่างชาติ ได้แก่ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ดีทีแซด ประเทศไทย จำกัด และบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ต่างให้ข้อมูลสอดคล้องกันว่า แต่ละบริษัทได้รับการติดต่อจากลูกค้าต่างชาติที่สนใจเข้ามาลงทุนพัฒนาที่ อยู่อาศัยและซื้ออาคารสำนักงาน-ศูนย์การค้า อย่างน้อยบริษัทละ 5 ราย รวม 3 บริษัทไม่ต่ำกว่า 15 ราย มีงบฯที่พร้อมจะเข้ามาลงทุนเฉลี่ยรายละ 2,000-5,000 ล้านบาท หรือรวมประมาณ 45,000-50,000 ล้านบาท

ซบฯ ลูกค้าต่างชาติเพิ่ม 20%

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ดฯ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ความเคลื่อนไหวชาวต่างชาติที่นำเงินเข้ามาลงทุนซื้ออสังหาฯยังมีเข้ามาต่อ เนื่อง แต่ไม่ได้เพิ่มขึ้นเร็วจนผิดปกติ โดยปี 2555 ที่ผ่านมา ซีบีฯสามารถขายคอนโดฯระดับไฮเอนด์ ราคาตารางเมตรละ 1 แสนบาทขึ้นไป ประมาณ 1,000 ยูนิต รวมมูลค่าขายประมาณ 12,000 ล้านบาท

ในจำนวนนี้มีสัด ส่วนผู้ซื้อชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น จากเดิมปีที่แล้วมีสัดส่วน 15-16% เพิ่มเป็น 20-21% ถือว่าไม่ได้เพิ่มขึ้นจนผิดสังเกต เพราะเกินกว่าครึ่งเป็นชาวต่างชาติที่ทำงานหรือพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย

โดย ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนซื้ออสังหาฯจะซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ โดยเฉลี่ยจะถือไว้ 1-2 ปี เพื่อรับผลตอบแทนจากค่าเช่า ขณะที่การเก็งกำไรระยะสั้นค่อนข้างยาก เพราะคอนโดฯไฮเอนด์ไม่สามารถขายต่อได้เร็วภายใน 1-2 เดือน

ส่วนชาว ต่างชาติที่สนใจเข้ามาลงทุนในรูปแบบพัฒนาโครงการร่วมกับพาร์ตเนอร์คนไทย พบว่ามีความสนใจมากขึ้นด้วย ในส่วนนี้บริษัทได้รับการติดต่อจากนักลงทุนต่างชาติ 4-5 รายให้ศึกษาตลาด แต่ละรายสนใจลงทุนประมาณ 2,000-5,000 ล้านบาท รวม 4-5 รายประมาณ 10,000-20,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่สนใจพัฒนาคอนโดฯในทำเลย่านใจกลางเมือง และลงทุนพัฒนาโครงการแบบมิกซ์ยูส

ดีทีแซดฯ-โจนส์ แลงฯลูกค้าตรึม

นาย ปรเมษฐ์ จันทนาโกเมษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีทีแซดฯ เปิดเผยว่า มีชาวต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนอสังหาฯในไทยมากขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา จริง โดยเข้ามาลงทุน 2 รูปแบบ คือ 1)

ร่วมทุนกับคนไทยพัฒนาโครงการ รูปแบบนี้ไม่น่าเป็นห่วง เพราะเป็นการลงทุนระยะยาว 2-3 ปี 2)ลงทุนซื้อคอนโดฯ ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตพบว่ายังไม่มีสัญญาณการเข้ามาลงทุนเพิ่มแบบผิดปกติแต่ อย่างใด

ขณะที่นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ เปิดเผยในทำนองเดียวกันว่า ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้รับข้อเสนอจากกองทุนต่างชาติไม่ต่ำกว่า 5 ราย ทั้งสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน สนใจเข้ามาซื้ออาคาร

สำนักงาน ศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ แต่ละรายมีงบฯเฉลี่ย 2,000-3,000 ล้านบาท รวมประมาณ 10,000-15,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้ในตลาดยังไม่มีโครงการที่น่าสนใจมาเสนอขาย และที่ต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาฯในช่วงนี้ยังไม่พบว่าเพิ่มขึ้นมากจนผิด ปกติ

คอนโดฯตากอากาศฮิต

ส่วนการซื้อขายอสังหาฯในเมือง ตากอากาศและหัวเมืองหลัก แหล่งข่าวจากบริษัท เซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจที่ปรึกษาและรับบริหารงานขายโครงการ

อสังหาฯ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา พบว่ามีชาวต่างชาติ ได้แก่ จีน ยุโรป รัสเซีย สนใจเข้ามาซื้ออสังหาฯในเมืองไทย ส่วนใหญ่เป็นคอนโดฯตามเมืองตากอากาศ ได้แก่ ภูเก็ต สมุย พัทยา มีทั้งซื้อไว้ปล่อยเช่าและซื้อเพื่ออยู่อาศัยหลังเกษียณอายุ รายที่ซื้อในนามส่วนตัวมีตั้งแต่ 1-2 ห้องไปจนถึง 5-10 ห้อง ส่วนใหญ่เป็นโครงการระดับกลางถึงไฮเอนด์ ราคาเริ่มที่ตารางเมตรละ 80,000-100,000 บาท หรือถ้าซื้อในนามบริษัทบางรายอาจซื้อแบบยกชั้น

"คิด ว่าการที่ต่างชาติเข้ามาลงทุนซื้อคอนโดฯไม่น่าเป็นห่วงว่าจะเป็นเงินร้อน หรือจะเป็นตัวการก่อให้เกิดฟองสบู่ เพราะไม่ได้ซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น 2-3 เดือน" แหล่งข่าวกล่าว

จับตา ทุนจีน เงินล้นมือ

ด้าน ความเคลื่อนไหวลงทุนพัฒนาโครงการ ขณะนี้พัทยาเป็นเมืองที่มีต่างชาติ ได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ สนใจมาก มีทั้งขายลูกค้าชาติเดียวกันเองและขายคนไทย ปีนี้น่าจะเห็นนักลงทุนจีนรายใหม่ ๆ เข้ามาพัฒนาคอนโดฯ เพราะเศรษฐกิจจีนเติบโตต่อเนื่องมาหลายปี และถึงจังหวะที่จะเริ่มขยายการลงทุนนอกประเทศ

ดังนั้นนอกจากทุนต่าง ชาติจะเข้ามาซื้อคอนโดฯและบ้านตากอากาศแล้ว พบว่ารูปแบบการลงทุนที่เริ่มเห็นหนาตามากขึ้นคือการร่วมทุนกับคนไทยพัฒนา โครงการโดยนายปรเมษฐ์ จันทนาโกเมษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีทีแซดฯ กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ตั้งแต่ไตรมาส 4/55 มีนักลงทุนต่างชาติที่เป็นดีเวลอปเปอร์จากสิงคโปร์ จีน ญี่ปุ่น แสดงความสนใจจะเข้ามาลงทุนคอนโดฯเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ และโรงแรม

ปัจจุบันมี 5 รายที่ว่าจ้างบริษัทดีทีแซดฯศึกษาตลาดในทำเลกรุงเทพฯ ชลบุรี พัทยา อุดรธานี ภูเก็ต และหาดใหญ่ แต่ละรายเตรียมเงินเข้ามาลงทุนเฉลี่ย 2,000 ล้านบาท รวม 5 รายประมาณ 1 หมื่นล้านบาท คาดว่าภายในปีนี้น่าจะปิดดีลได้ 1-2 ราย

ผู้ สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจความเคลื่อนไหวการเข้ามาลงทุน อสังหาฯของชาวต่างชาติตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา พบความเคลื่อนไหวลงทุนอย่างน้อย 3 ราย รวมมูลค่าโครงการกว่า 9,300 ล้านบาท ได้แก่ 1.บริษัท โฮม ซิตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ของกลุ่มทุนรับเหมาจากจีน ร่วมทุนกับคนไทยพัฒนาโครงการมิราเคิล หัวหิน คอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศ มูลค่าโครงการ 5,600 ล้านบาท 2.บริษัท เดย์เกน กรุ๊ป ของกลุ่มทุนอสังหาฯจีน พัฒนาโครงการบัดเจท คอนโด ย่านติวานนท์ มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท 3.บริษัท ยูนิเวอร์เซล พลัส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ในเครือยูนิเวอร์เซลกรุ๊ป กลุ่มทุน

อสังหาฯจาก อินเดีย ร่วมทุนคนไทยพัฒนาโครงการเซเว่นซี คอนโด รีสอร์ต จอมเทียน มูลค่าโครงการกว่า 3,000 ล้านบาท และเตรียมลงทุนโครงการใหม่ในย่านจอมเทียน เป็นคอนโดฯไฮไรส์ 27 ชั้น 3 อาคาร มูลค่าโครงการ 3,700 ล้านบาท

ไตร มาส 4 ราคาคอนโดฯพุ่ง 16%

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมามูลค่าอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลที่ปรากฏในไตรมาส 3/55 ราคาคอนโดมิเนียมปรับขึ้นมา 8% และไตรมาส 4/55 ปรับขึ้นมา 15-16% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการปรับราคาขึ้นตามภาวะต้นทุนต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นราคาสินค้าวัสดุในการก่อสร้าง การปรับขึ้นค่าแรงในช่วงที่ผ่านมา ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับขึ้นของอสังหาริมทรัพย์โดยรวม

ส่วน การเข้ามาเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งของนักลงทุนต่างชาติและคนไทย นั้น ธปท.ได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ปัจจุบันยังไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากประเทศไทยมีกฎหมายป้องปรามการเก็งกำไรของต่างชาติ โดยห้ามต่างชาติซื้ออสังหาฯประเภทคอนโดมีเนียมเกิน 49% ของพื้นที่โครงการ

"ภาพรวม การเก็งกำไรผ่านกองทุนอสังหาฯของต่างชาติ มีสัดส่วนเพียง 16% เท่านั้น หากเทียบกับมูลค่าของกองทุนรวมของตลาดอสังหาฯ ปัจจุบันนี้ก็ยังไม่เห็นสัญญาณอะไรมาก เพราะการขึ้นมาของราคาส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนด้วย" นายประสารกล่าว


ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์  ( 4  มีนาคม 2556)



TAG :เงิน,ต่างชาติ,ทะลัก,ไล่ซื้อคอนโด, แห่เก็งกำไร,จีน-อินเดีย,แรงรุก,ครบสูตร,อีบิลด

ร่วมแสดงความคิดเห็น

ชื่อ
Comment
กรุณาป้อนข้อมูลตามที่ปรากฏ

ข้อความในส่วนแสดงความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็นข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บบอร์ดไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ feedback@ebuild.co.thเพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้





สินค้าหมวดสถาปัตย์
สินค้าหมวดโครงสร้าง
แหล่งความรู้
eBuild Team
www..co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล Privacy Policy
Copyright 2009 Ebuild Co., Ltd. All Rights Reserved.