นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ภายในสิ้นปีนี้จะนำระบบตั๋วร่วมมาใช้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกกับผู้เดินทาง ตามนโยบายของรัฐบาล ที่บัตรเดียวสามารถเดินทางได้หลายระบบ โดยจะนำร่องใช้กับรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ และทางด่วนรูปแบบบัตรจะเป็นลักษณะใช้แตะแล้วผ่าน หรือTouch And Go ซึ่งกระทรวงจะเปิดกว้างให้ผู้ประกอบการที่ผลิตบัตรประเภทนี้นำมาใช้บริการ ได้กับทางด่วน เช่น บัตรโดยสารแร็บบิตของรถไฟฟ้า

บีทีเอส หรือบัตรสมาร์ทเพิร์สของกลุ่มเซเว่นฯ ก็นำมาใช้กับด่านเก็บค่าผ่านทางบนทางด่วนได้โดยที่ไม่ต้องใช้ช่องบัตร Easy Pass สามารถใช้จ่ายเงินผ่านช่องเก็บเงินสดได้ตามปกติ โดย กทพ.จะลงทุนติดตั้งเครื่องอ่านบัตรเพื่อหักค่าผ่านทาง


"การใช้บัตรลักษณะนี้ไม่ใช่แค่สะดวก ยังช่วยแก้ปัญหาการจราจรสะสมหน้าด่านทางด่วน ลดต้นทุนเรื่องค่าบริหารจัดการคน และการจัดเก็บเงินสดที่รั่วไหลได้ง่ายอีกด้วย และปีหน้าจะขยายไปยังมอเตอร์เวย์เพิ่ม" นายชัชชาติกล่าวและว่า

ทั้ง นี้ ทางรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดิน ก่อนหน้านี้ได้ตั้งบริษัทกลางร่วมกัน ลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท มาบริหารจัดการหักค่าใช้บัตรโดยสารรถไฟฟ้าร่วมกันของทั้ง 2 ระบบ มีกำหนดจะใช้สิ้นปีนี้ หากบีทีเอสสนใจ ก็เข้าร่วมโครงการกับกระทรวงคมนาคมได้ เนื่องจากจะตั้งองค์กรกลางจัดสรรรายได้ (Clearing House) มาบริหารบริหารจัดการและจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรที่เป็นเจ้าของระบบขนส่ง มวลชน ทั้งรถไฟฟ้า เรือ รถเมล์ ทางด่วน และร้านค้าต่าง ๆ

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า ประมาณเดือนพฤษภาคมนี้จะสรุปการนำระบบตั๋วร่วมมาใช้ในการเดินทางร่วมกันทั้ง รถไฟฟ้าและทางด่วนที่จะเริ่มใช้ได้สิ้นปีนี้ ส่วนรถเมล์ ขสมก.ต้องรอรถเมล์ใหม่

รูปแบบการดำเนินการ จะมีกำหนดมาตรฐานกลาง ว่าการตั้งองค์กรกลางมาบริหารจัดการนั้นจะต้องมีวิธีการทำงานลักษณะไหน เช่น การตัดบัญชีค่าโดยสาร จากนั้นจะเปิดประมูลหาผู้มาดำเนินการ โดยอาจจะตั้งเป็นบริษัทแยกออกมา หรือทางสถาบันการเงินแห่งไหนสนใจ ก็สามารถเข้าร่วมลงทุนได้เช่นกัน

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่ต้องเคลียร์อีกเรื่อง คือค่าแรกเข้าการใช้บริการ ที่เอกชนแต่ละรายเก็บอยู่ทั้งบีทีเอสที่รับสัมปทานจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) และรถไฟฟ้าใต้ดินที่รับสัมปทานจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะต้องหารือร่วมกันต่อไปว่าใครจะเป็นคนรับภาระส่วนนี้ เพราะจะกระทบต่อสัญญาสัมปทานโครงการ


ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์  ( 31  มกราคม  2556)

ร่วมแสดงความคิดเห็น