กลาย เป็นประเด็นร้อนระหว่าง "จุฬาฯ VS กรมพลศึกษา" เมื่อจุฬาฯ ในฐานะเจ้าของพื้นที่บริเวณ "สนามกีฬาแห่งชาติ" รวม 87 ไร่ ประกอบด้วย สนามกีฬาศุภชลาศัย สนามเทพหัสดิน อาคารนิมิบุตร สระว่ายน้ำวิสุทธารมณ์ ได้ขอปรับขึ้นค่าเช่าจากคู่สัญญาคือกรมพลศึกษา จากปีละ 3 ล้านบาท เป็นปีละ 153,023,600 บาท

พร้อมกับขอคืนพื้นที่ประมาณ 11 ไร่ ซึ่งปัจจุบันเป็นสนามจินดารักษ์ อาคารจันทนยิ่งยง อาคารนันทนาการ ลานอเนกประสงค์ และโรงยิม เพื่อนำมาใช้พัฒนาการกีฬาของนิสิตจุฬาฯ และส่งเสริมสุขภาพของคนในชุมชนย่านนี้

กับประเด็นนี้ "อาจารย์เพิ่มยศ โกศลพันธุ์" ชี้แจงว่า การขอคืนพื้นที่ 11 ไร่ จากทั้งหมด 87 ไร่ เป็นตามเอ็มโอยูที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ 27 มิถุนายน 2540 สาระสำคัญคือจุฬาฯ มีสิทธิ์จะใช้ประโยชน์ในที่ดินที่กรมพลศึกษาใช้อยู่ได้

แต่ ที่ผ่านมายังไม่สามารถขอเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวได้เต็มที่ นำมาสู่การขอคืนพื้นที่บางส่วน

ส่วน มาตรการ "ปรับขึ้นค่าเช่า" ก็เพื่อให้สอดรับกับศักยภาพที่ดินในปัจจุบัน ที่ผ่านมาได้แจ้งให้กรมพลฯทราบล่วงหน้านานแล้ว โดยค่าเช่าใหม่ที่กลายมาเป็นกว่า 153 ล้านบาทนั้น ย่อม...มีที่มาที่ไป

หลัก การคือ ใช้การอ้างอิงตามหลักเกณฑ์เดียวกับ "Crown Porperty-สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" คือคิดที่อัตรา 2% ของราคาประเมินที่ดิน (รายปี)

ดังนั้นแปลงที่ดินทั้ง 87 ไร่ มีราคาประเมินที่ตารางวาละ 2.5 แสนบาท หรือไร่ละ 100 ล้านบาท สัญญาเช่าพื้นที่ระหว่างจุฬาฯ-กรมพลศึกษาเป็นแบบ "รายปี" และได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2555 ที่ผ่านมา

"ที่ดิน บริเวณนี้ จุฬาฯได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 พระองค์ท่านมีกระแสรับสั่งไว้ว่า สามารถนำมาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้ตามสมควร จุฬาฯจึงอยากขอความเป็นธรรม เพราะการจ่ายค่าเช่าก็ต้องมีหลักเกณฑ์ จะคิดถูกหรือให้อยู่ฟรีคงไม่ได้ (...อีกต่อไปแล้ว)"

อย่างไรก็ตาม หากกรมพลศึกษามีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ จุฬาฯก็พร้อมจะเปิดเจรจาเพื่อหาข้อสรุปที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ส่วนการปรับลดค่าเช่าเป็นสิ่งที่ต้องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการของสำนักงาน จัดการทรัพย์สินจุฬาฯ แน่นอนว่า...ไม่สามารถระบุได้ตอนนี้

ทั้งนี้ ทั้งนั้นยืนยันว่าที่ผ่านมา จุฬาฯยังไม่ได้รับการติดต่อ และยังไม่มีข้อเสนอเรื่องอัตราค่าเช่าที่กรมพลฯยอมรับได้แต่อย่างใด


ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์  ( 28  มกราคม 2556 )

ร่วมแสดงความคิดเห็น