"คลัง" เตรียมถกผู้ประกอบการอสังหาฯ สถาบันการเงิน ขยับเกณฑ์บ้านหลังแรก 0% เป็นกลุ่มราคาบ้านไม่เกิน 2-3 ล้านบาท นายภิญโญ ตั๊นวิเศษ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในการบรรยายพิเศษเรื่อง “อุทกภัยและนโยบายการเงินธนาคาร” จัดโดยสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย วานนี้ (23 มี.ค.) ว่า  ขณะนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการหารือ และระดมความคิดเห็น กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์  สถาบันการเงิน ในการปรับหลักเกณฑ์มาตรการสินเชื่อบ้านหลังแรก  0% ระยะเวลา 3 ปี ในราคาบ้านไม่เกิน 1 ล้านบาท เพิ่มเป็นบ้านราคา 2 หรือ 3 ล้านบาท
 

"การปรับหลักเกณฑ์เพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่อาจถูกมองว่าเป็นนโยบายประชานิยม หรือขยายเกณฑ์เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายใหญ่ คลังจึงต้องหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างก่อน เพื่อหาแนวทางในการปรับที่เหมาะสม เช่น หากปรับขยายเกณฑ์เป็น 2 ล้านบาท จะต้องให้ผลย้อนหลังแก่ผู้ที่ซื้อบ้านระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ไปก่อนหน้านี้ด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ มีแนวคิดจะขยายเวลาในการให้สินเชื่อบ้านหลังแรก จากเดิมที่จะสิ้นสุดปีนี้ออกไปด้วย" นายภิญโญกล่าว

 ด้านนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่า ราคาบ้านในเขตกรุงเทพฯ ปัจจุบัน เฉลี่ยอยู่ที่ 2 ล้านกว่าบาท ส่วนในต่างจังหวัดนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 2 ล้านบาท ดังนั้น หากภาครัฐมีแนวคิดจะขยายเกณฑ์มาตรการสินเชื่อบ้านหลังแรก ควรจะขยายให้ถึงราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เพื่อให้ครอบคลุมและกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

 "เพราะจากข้อจำกัดของโครงการบ้านหลังแรก ราคาบ้านจำกัดแค่ไม่เกิน 1 ล้านบาท กระตุ้นตลาดได้น้อย เพราะเขตกรุงเทพฯ บ้านระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท แทบไม่มีเลย"
 

ขณะที่นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล นายกสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย กล่าวว่า การขยายเกณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัยบ้านหลังแรกนั้น ต้องตั้งคำถามกับทางภาครัฐ ว่า การขยายเกณฑ์ดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มกลุ่มเป้าหมาย จากเดิมที่ต้องการช่วยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยไปเป็นการช่วยกลุ่มบุคคลทั่วไปด้วยหรือไม่ เพราะบ้านระดับราคาไม่เกิน 2-3 ล้านบาท เป็นระดับราคาที่ผู้มีรายได้น้อยไม่สามารถซื้อได้ การขยายเกณฑ์จึงเป็นการให้ประโยชน์แก่ประชาชนทั่วไป

 นอกจากนี้ เชื่อว่าการขยายเกณฑ์ดังกล่าวจะไม่ช่วยกระตุ้นตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตขึ้น เนื่องจากบ้านระดับราคาไม่เกิน 2-3 ล้านบาทนั้น เป็นระดับราคาที่บุคคลรายได้ปานกลางสามารถซื้อได้โดยไม่ต้องรอมาตรการอยู่แล้ว การขยายเกณฑ์จึงไม่ช่วยกระตุ้นตลาดสินเชื่อและตลาดที่อยู่อาศัย

ส่วนนายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การขยายเกณฑ์สินเชื่อบ้านหลังแรกจากบ้านราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นราคาไม่เกิน 2 หรือ 3 ล้านบาทนั้น จะไม่กระทบต่อสัดส่วนตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยระหว่างภาครัฐกับเอกชนมากนัก เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ในแต่ละปีนั้น เฉลี่ยอยู่ราว 4 แสนล้านบาทต่อปี ขณะที่วงเงินที่ภาครัฐจะให้กับสินเชื่อบ้านหลังแรกล็อตแรกนั้นอยู่ที่เพียง 2 หมื่นล้านบาท อีกทั้งมีเพียง ธอส.เท่านั้น ที่ให้สิทธิได้ ดังนั้น แม้จะขยายเกณฑ์ก็ไม่น่าจะกระทบมากนัก

ส่วนภาพรวมตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยปีนี้ คาดว่าจะไม่เติบโตเท่าที่ควร สังเกตจากช่วงไตรมาส 1 ที่ยอดสินเชื่อมีอัตราเติบโตน้อย สิ้นปีนี้ จึงคาดว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยน่าจะเติบโตเพียง 6-7% ทั้งนี้ ปัจจุบัน สถาบันการเงินของรัฐถือสัดส่วนตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยอยู่ 45% เอกชนถือสัดส่วนอยู่ 55%



ที่มา  :  วันที่ 24 มีนาคม 2555  กรุงเทพธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น