วิกฤติน้ำท่วมซ้ำเติมสถานการณ์ ผลักดันค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่ฉุดยอดขายลด ซ้ำลูกค้าลังเลตัดสินใจ บริษัทอสังหาฯ สำลักพิษน้ำท่วม รายใหญ่กระอักค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่ยอดขายหด เหตุอุทกภัยทุบตลาด ทำลายบรรยากาศซื้อ-ขาย คาดตลาดชะงักถึงไตรมาส 1/2555 ด้านเอเจนซี่ฯ ประเมินภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปีนี้เปิดขายใหม่ลดลง 22%
 ปัญหาน้ำท่วมใหญ่ ที่ลุกลามจากภาคกลางเข้าสู่ย่านปริมณฑลรอบกรุงเทพฯ และหลายพื้นที่ชานเมืองกรุงเทพฯ นอกจากสร้างความเสียหายกับประชาชนแล้ว ยังส่งผลต่อเนื่องให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้โดยตรง เพราะผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่ ล้วนมีโครงการที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม ต้องมีภาระในการฟื้นฟูต่อเนื่องต่างกันไป ทั้ง บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท, ควอลิตี้เฮ้าส์, แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, ศุภาลัย, แสนสิริ, พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค และเอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้
 ผลกระทบที่เกิดขึ้นแน่นอนคือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการทำที่กั้นน้ำ และอุปกรณ์ช่วยชีวิตในแต่ละโครงการ รวมถึงอาจมีการจัดหาที่อยู่ให้กับลูกบ้านในโครงการ และยังอาจกระทบด้านยอดขาย ที่จะลดลงเห็นได้ชัดในไตรมาส 4 ปีนี้ ทำให้ยอดขายรวมของกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ไม่เติบโตตามคาด บางบริษัทได้ปรับเป้าขายลงกว่า 10% เลื่อนเปิดโครงการใหม่ไปเป็นปี 2555
 ผลลบที่จะเกิดขึ้นในปีนี้อีกส่วน คือ ยอดโอนและยอดรายได้ มีแนวโน้มอ่อนลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ต้นปี ในผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม ส่วนที่คาดหวังจะได้รับผลบวกจากโครงการบ้านหลังแรก จากนโยบายของรัฐบาล คงไม่เห็นประโยชน์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปีนี้ อาจต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1/2555  เนื่องจากระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง ความต้องการที่อยู่อาศัยต่ำ ประกอบกับความกังวลของผู้บริโภค ที่เผชิญกับความเสี่ยงตกงาน ผลตามมาคือจะเพิ่มอัตราการกู้ขอสินเชื่อซื้อบ้านไม่ผ่านมากขึ้น
 ทั้งนี้ประเมินจากบริษัทที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมพบว่า บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มีโครงการอยู่ระหว่างพัฒนาที่เสี่ยงถูกน้ำท่วมชัดเจน 5 โครงการ มูลค่า 6,000 ล้านบาท จากทั้งหมด 54 โครงการ มูลค่า 4.73 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในย่านราชพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ (ยังต้องติดตามเพิ่มเติม) ทำให้การดำเนินธุรกิจต้องชะลอตัว ทั้งด้านการขายโครงการที่ลูกค้าไม่สามารถเข้าไปไซต์งานได้ และความไม่มั่นใจในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า รวมถึงธุรกรรมการโอนฯ เพื่อรับมอบกรรมสิทธิ์โดยเฉพาะการสร้างบ้านเสร็จก่อนขาย
 บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมบางโครงการ เช่น มณีรินทร์ถนน 354 ประสบปัญหาน้ำท่วมรุนแรง และบางโครงการแม้ไม่ถูกน้ำท่วมแต่อยู่ในบริเวณที่มีน้ำท่วม อาจต้องมีภาระค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุง แต่ผลกระทบที่ต้องจับตามากกว่า คือ พฤติกรรมการซื้อบ้านของผู้บริโภคอาจชะลอการตัดสินใจซื้อ และต้องพิจารณาทำเลที่ตั้งของโครงการมากขึ้น อาจทำให้แผนเปิดตัวโครงการใหม่บางส่วนต้องชะลอออกไป จากแผนเดิมในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2554 เพอร์เฟค จะมีการเปิดโครงการแนวราบ 4 โครงการ (2 โครงการที่รังสิต, และรัตนาธิเบศร์,รามคำแหง อย่างละ 1 โครงการ) ส่วนคอนโดมิเนียมเปิด 1 โครงการใน ในแบรนด์ I Condo สุขุมวิท 103 มูลค่า 1 พันล้านบาท
 หลังน้ำลด แม้ความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคยังมี แต่ก็คาดการณ์ว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคอาจเปลี่ยนไป อาจเปลี่ยนทำเลในการในการเลือกซื้อ ไปยังทำเลที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และอาจทำให้แนวโน้มราคาที่ดินในอนาคตเปลี่ยนไป คือ ราคาที่ดินปรับลดลง โดยเฉพาะที่ดินในโซนตะวันตก และที่ดินในโซนตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งพบว่ามีโครงการบ้านจัดสรรเกิดขึ้นจำนวนมาก
 บริษัท มั่นคง เคหะการ จำกัด (มหาชน) พบเหตุการณ์น้ำท่วมบ้านเดี่ยว 3 โครงการ ที่ปทุมธานี และกรุงเทพฯ ตอนเหนือ กระทบยอดขายและรายได้ เพราะมีโครงการบ้านจัดสรรอยู่ในเขตปทุมธานี ถนนสาย 345 ถึง 3 โครงการ คือชวนชื่นฟลอร่า วิลล์ เหลือขาย 8% จากมูลค่า 1.5 พันล้านบาท, ชวนชื่น กอล์ฟ อเวนิว เหลือขาย 20% จากมูลค่า 1.2 พันล้านบาท และชวนชื่น บรุ๊คไซด์ เหลือขาย 64% จากมูลค่า 360 ล้านบาท
 สอดคล้องกับข้อมูลจาก บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด ที่รายงานผลสำรวจตลาดอสังหาฯ รอบ 9 เดือน/2554 มีโครงการเกิดใหม่รวม 68,640 หน่วย โดยแทบทั้งหมดเป็นที่อยู่อาศัย และเป็นห้องชุดพักอาศัยถึง 47% แต่แนวโน้มปี 2554 การเปิดใหม่น่าจะหดตัวลงกว่าปี 2553 ถึง 22%  โดยเป็นการปรับตัวเพื่อเลี่ยงภาวะวิกฤติ



ที่มา :  วันที่ 24 ตุลาคม 2554 กรุงเทพธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น