เอสซี แอสเท เดินหน้าเปิดตัว 9 โครงการใหม่ เน้นกลุ่มหลักตลาดบน ดันยอดขายไตรมาส 4 ร.อ.กรี เดชชัย  ประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ  บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า  ในไตรมาส 4 บริษัทฯ เดินหน้าเปิดโครงการ 9  โครงการหรู ตามแผนธุรกิจที่วางไว้ โดยเป็นโครงการแนวราบมากกว่าโครงการแนวสูง และ เน้นตลาดราคาระดับกลางขึ้นไป โดยเฉพาะโครงการบ้านหรูซีรี่ส์ใหม่มีราคาตั้งแต่ 7 ล้านบาทขึ้นไป   พร้อมเปิดคอนโดมิเนียมหรูย่านสุขุมวิท    

ทั้งนี้ โครงการใหม่ที่จะเปิดขายในไตรมาส 4 ทั้งหมด   9 โครงการในทำเลศักยภาพ มูลค่าโครงการรวม  ประมาณ 9,700 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการแนวราบ 6 โครงการและโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ  โดยในเดือนตุลาคมนี้ จะเปิดการขาย 5 โครงการใหม่ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวหรูภายใต้แบรนด์บางกอก บูเลอวาร์ดใน 3 ทำเล ด้วยสไตล์โมเดิร์นซีรี่ส์ 2012 ที่มีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูหรูหรามากขึ้น และ  เน้นย้ำความเป็นผู้นำเรื่องฟังก์ชั่น ที่มีจุดเด่นคือ ฟังก์ชั่น+1 Double Living Room , Grand Master Bedroom พร้อม Living Space , ห้องนอน พร้อมห้องน้ำในตัว   โดยยังได้เพิ่ม Executive Bedroom ชั้นล่าง และ เพิ่ม Living Space ครบทุกห้องนอน ได้แก่  โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์-พระราม 5 จำนวน 161 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท  , โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด  รามอินทรา 3  จำนวน 162 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท  และโครงการในทำเลใหม่ คือ โครงการบางกอก  บูเลอวาร์ด  เทพารักษ์-      วงแหวน จำนวน 222 ยูนิต   มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท ทั้ง 3 โครงการ   มีระดับราคา เริ่มต้น  7-8  ล้านบาทขึ้นไป

พร้อมกับการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใจกลางสุขุมวิทตอนต้นเกาะแนวรถไฟฟ้าพร้อมกัน 2 โครงการ ภายใต้แบรนด์พรีเมี่ยมหรู ได้แก่ โครงการเดอะเครสท์ สุขุมวิท 24  คอนโดมิเนียม  8  ชั้น ติดสวนเบญจสิริ ใกล้บีทีเอสพร้อมพงษ์ และ เอมโพเรียม จำนวน 82 ยูนิต มูลค่า 650 ล้านบาท ราคาขายตารางเมตร เริ่ม 145,000 บาท  , โครงการ  เดอะ เครสท์ สุขุมวิท 49  คอนโดมิเนียม 8  ชั้น ใกล้สถานีบีทีเอส ทองหล่อ  และศูนย์รวมคอมมูนิตี้มอลล์ ชุมชนญี่ปุ่น โรงพยาบาลสมิติเวช จำนวน 88 ยูนิต มูลค่า 460 ล้านบาท  ราคาขายตารางเมตร เริ่ม 125,000 บาท

สำหรับอีก 4 โครงการใหม่จะเปิดขายในเดือนพฤศจิกายน ได้แก่  โครงการเซ็นทริค  สถานี           ติวานนท์ เพียง 100 เมตร จากสถานีติวานนท์ เส้นรถไฟฟ้าสายสีม่วง คอนโดมีเนียมดีไซน์เป็น 2 อาคารสูงขนาด 36 และ41 ชั้น  จำนวนรวม 1,063 ยูนิต  มูลค่า   2,600  ล้านบาท ราคาขายตารางเมตร เริ่ม 54,000บาท  ซึ่งจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ต้นปี 2557 และอีก 3 โครงการแนวราบ  โครงการแกรนด์บางกอก บูเลอวาร์ด รามอินทรา  คฤหาสน์หรูราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาทขึ้นไป  จำนวน 40 ยูนิต มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท   และ ทาวน์โฮมใหม่  โครงการวิสต้า วันเอทโอ เทพารักษ์-วงแหวนฯ จำนวน 99 ยูนิต มูลค่าโครงการ  330 ล้านบาท  ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาทขึ้นไป และ โฮมออฟฟิศ  โครงการเวิร์ค เพลส เพชรเกษม 81 มูลค่าโครงการ 55 ล้านบาท  ราคาเริ่มต้น 6 ล้านบาทขึ้นไป

โดยสรุปในไตรมาส 4 ปีนี้   บริษัทฯ มีโครงการที่เปิดขายรวมทั้งสิ้น 23 โครงการ  มูลค่ารวมกว่า  16,000 ล้านบาท    โดยเป็นโครงการเปิดใหม่ในไตรมาสนี้ 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,700 ล้านบาท และ โครงการปัจจุบันที่มีอยู่อีก 14 โครงการ มูลค่าโครงการคงเหลือประมาณ 6,300 ล้านบาท

นอกจากนี้ นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน ได้เปิดเผยเรื่องแผนการเงินในไตรมาส 4 ว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการเตรียมออกหุ้นกู้เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปและ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน จำนวนไม่เกิน 2,000 ล้านบาทภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุหุ้นกู้ 3.5 ปี ซึ่งเป็นการออกหุ้นกู้ครั้งแรกของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มแหล่งเงินทุนระยะยาวนอกเหนือจากการใช้เงินกู้จากสถาบันการเงิน และ ได้แต่งตั้งธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้และผู้รับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 รวมถึง ช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมาของปีนี้ บริษัทฯ สามารถทำได้ดีตามเป้าหมาย โดยยอดขายของไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมากกว่า 100% และ 85% ตามลำดับ

“จากยอดขาย 9 เดือนที่ผ่านมา และ การเปิดโครงการใหม่อีก 9 โครงการในไตรมาสนี้ รวมถึงการตอบรับที่ดีตลอดมาของลูกค้าในทุกๆโครงการที่เราใส่ใจสร้างสรรค์ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างดีที่สุด และ ด้วยความพร้อมในทุกด้าน ของเอสซี แอสเสท จึงมั่นใจว่า ภาพรวมปีนี้บริษัทฯ จะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้” นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ กล่าว



ที่มา :  วันที่ 12 ตุลาคม 2554 กรุงเทพธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น