นักลงทุนแห่แย่ง "ซื้อหนี้" โรงแรมดัง "ดาราเทวี เชียงใหม่" กลุ่มทุนหน้าใหม่ "เอเบิ้ล ไนซ์ โฮลดิ้ง" โวยถูก "โอเอชทีแอล-บ้านริมน้ำเจ้าพระยา" ในกลุ่มแมนดาริน โอเรียนเต็ล เล่นกลทำสัญญาซ้ำซ้อนขายให้อีกรายเป็นทุนต่างชาติจากจีน ล่าสุดวิ่งพึ่งศาลยื่นฟ้อง เรียกค่าเสียหาย 384 ล้านบาท อ้างผิดสัญญา ฟากบิ๊กบอสแมนดารินฯ ทายาทตระกูลกรรณสูตอุบเงียบ
จากกรณีที่บริษัท โรงแรมดาราเทวี จำกัด ผู้บริหารโรงแรมหรู "ดาราเทวี เชียงใหม่" ประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง กระทั่งเข้าสู่กระบวนการของศาลล้มละลาย ตามคำสั่งของศาลล้มละลายกลาง
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 คดีหมายเลขแดงที่ ฟ.45/2553 ต่อมาศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2555 โดยมีบริษัท โรงแรมดาราเทวี จำกัด ผู้ทำแผนเป็นผู้บริหารแผน ในแผนฟื้นฟูดังกล่าวนั้นจะต้องขายหนี้ออกมา และเป็นที่สนใจของนักลงทุน กระทั่งล่าสุดเกิดกรณีกลุ่มทุนฟ้อง เพื่อเข้าซื้อหนี้ของโรงแรมดังแห่งนี้
เอเบลไนซ์ฯ โผล่ยื่นฟ้อง
นายกรภัทร์ จันทรังษี กรรมการบริษัท เอเบิ้ล ไนซ์ โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทได้ยื่นฟ้องบริษัท โอเอชทีแอล จำกัด (มหาชน) จำเลยที่ 1 และบริษัท บ้านริมน้ำเจ้าพระยา จำกัด จำเลยที่ 2 ซึ่งทั้ง 2 บริษัท มีนางนิจพร จรณะจิตต์ ทายาทตระกูลกรรณสูต ผู้ถือหุ้นรายใหญ่กลุ่มโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล เป็นกรรมการ ที่ศาลแพ่งใต้ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา พร้อมเรียกค่าเสียหาย จำนวน 384 ล้านบาท กรณีผิดสัญญาซื้อขายหนี้ระหว่างบริษัท เอเบิ้ล ไนซ์ โฮลดิ้ง จำกัด กับบริษัท
โอเอชทีแอล จำกัด (มหาชน) และบริษัท บ้านริมน้ำเจ้าพระยา จำกัด จากที่บริษัทต้องการสวมสิทธิ์เป็นเจ้าหนี้ของโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ หลังจากได้แจ้งความดำเนินคดีทั้ง 2 บริษัทดังกล่าวไปแล้ว เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัท เอเบิ้ล ไนซ์ โฮลดิ้ง จำกัด เป็นบริษัทลงทุนหน้าใหม่ จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่ประเทศฮ่องกง ได้มองเห็นโอกาสการลงทุนในธุรกิจเมืองไทย จึงทำสัญญากับบริษัท โอเอชทีแอล จำกัด (มหาชน) และบริษัท บ้านริมน้ำเจ้าพระยา จำกัด เพื่อเข้าซื้อหนี้ตามแผนฟื้นฟูของบริษัท โรงแรมดาราเทวี จำกัด เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ โดยในสัญญาได้ทำข้อตกลงซื้อขายหนี้ในราคา 210 ล้านบาท และจะชำระค่าตอบแทนภายใน 90 วัน นับจากวันทำสัญญา
ต่อมาบริษัทได้ส่งหนังสือยืนยันการใช้สิทธิ์และนัดวันชำระเงินเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2556 พร้อมนัดวันชำระเงินวันที่ 2 พฤษภาคม 2556 แต่เมื่อถึงวัดนัดชำระเงินและโอนสิทธิ์ ทางบริษัท โอเอชทีแอล จำกัด (มหาชน) โดยนางนิจพร จรณะจิตต์ ในฐานะตัวแทน กลับแจ้งว่าไม่สามารถซื้อขายหนี้กับบริษัทได้ เนื่องจากทางบริษัท โอเอชทีแอล จำกัด (มหาชน) ได้ทำสัญญาซื้อขายหนี้กับบริษัท Zhong Fu success investment Holding Limited ไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่ยังมีสัญญาซื้อขายหนี้อยู่กับบริษัท เอเบิ้ล ไนซ์ฯ
"เรามั่นใจในการซื้อขายครั้งนี้มาก เนื่องจากทำธุรกรรมกับบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทที่ร่างสัญญาซื้อขายหนี้คือ maker Mckenzie ที่ปรึกษากฎหมายระดับโลก แต่พอเกิดเหตุสัญญาซื้อขายซ้ำซ้อน
กลับแจ้งว่าสัญญาดังกล่าวไม่มีผลทางกฎหมาย แถมยังบอกด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากความเข้าใจของเอเบิ้ล ไนซ์ฯ เพียงฝ่ายเดียว"
เบื้องหลังมผลประโยชน์เกี่ยวข้อง
นายกรภัทร์กล่าวด้วยว่า ตามแผนฟื้นฟูโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ มูลค่าหนี้ที่ซื้อขายในครั้งนี้มีมูลค่าจริงรวมดอกเบี้ย คิดเป็นมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ระยะเวลาชำระหนี้ 5 ปี แต่บริษัทตกลงซื้อขายหนี้กับบริษัทโอเอชทีแอลในครั้งนี้เป็นมูลค่ารวม 210 ล้านบาท บริษัทในฐานะนักลงทุนจึงมองเห็นโอกาสในการสร้างกำไรจากการเข้าซื้อหนี้ในครั้งนี้
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" ได้โทรศัพท์สอบถามประเด็นดังกล่าวกับนางนิจพร จรณะจิตต์ กรรมการและผู้ถือหุ้น บริษัท โอเอชทีแอล จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากเลขาฯว่าในวันดังกล่าว นางนิจพรมีประชุมงบการเงินร่วมกับทีมผู้บริหารหลายส่วน จึงยังไม่สะดวกให้ข้อมูล แต่จะพยายามหาเวลาแจ้งเรื่องนี้อีกครั้ง
เช่นเดียวกับทางบริษัท เบเคอร์ แมคเคนซี จำกัด บริษัทที่ปรึกษากฎหมายที่ร่างสัญญาซื้อขายหนี้ในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ชื่อปะราลี เตชะจงจินตนา ได้รับแจ้งจากเลขาฯว่าติดประชุม ขอรับเรื่องไว้ และจะติดต่อกลับด้วยตัวเอง นอกจากนั้น ผู้สื่อข่าวยังได้ส่งประเด็นคำถามไปยังอีเมล์ด้วย แต่ยังไม่ได้รับการชี้แจงแต่อย่างใด
อนึ่ง บริษัท โรงแรมดาราเทวี จำกัด ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2545 ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 1,290 ล้านบาท เมื่อปี 2550 ลงทุนในโครงการโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ มูลค่ากว่า 3,800 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นส่วนของเจ้าของ คือ นายสุเชฏฐ์ สุวรรณมงคล นักธุรกิจตระกูลดังจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จำนวน 1,000 ล้านบาท ที่เหลือ 2,800 ล้านบาท เป็นเงินกู้ โดยให้กลุ่มแมนดาริน โอเรียนเต็ล เป็นผู้บริหารตั้งแต่ปี 2549 ภายใต้สัญญา 15 ปี และต่อสัญญาได้อีก 15 ปี
สำหรับผลประกอบการในช่วง 2550-2554 จากการตรวจสอบกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า ปี 2550 มีรายได้รวม 523.66 ล้านบาท ขาดทุน 388.86 ล้านบาท ปี 2551 มีรายได้รวม 476.69 ล้านบาท ขาดทุน 450.68 ล้านบาท ปี 2551 มีรายได้รวม 321.28 ล้านบาท ขาดทุน 410.78 ล้านบาท
ปี 2553 มีรายได้รวม 318.94 ล้านบาท ขาดทุน 365.91 ล้านบาท และปี 2554 มีรายได้รวม 368.70 ล้านบาท ขาดทุน 348.47 ล้านบาท

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์  (15 พฤษภาคม 2556)
.............................................................................

ร่วมแสดงความคิดเห็น