"เสี่ยคีรี" แตะเบรกลงทุนอสังหาฯทั้งที่เพิ่งเปิดตัวคอนโดฯแบรนด์ "แอ็บสแตร็กส์"เพียง 2 ทำเล ประเมินจังหวะตลาดร้อนแรงเกินไปในช่วง 1-2 ปีนี้ ยังมั่นใจแลนด์แบงก์แนวรถไฟฟ้าบีทีเอสมูลค่าร่วม 1 หมื่นล้านเป็นแม็กเนตดึงดูดนักลงทุนไทย-เทศ ประกาศแผนเชิงรุกทุ่ม 3 หมื่นล้านแข่งประมูลเดินรถไฟฟ้า "สีเขียว-ชมพู" นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้บริษัทชะลอแผนการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ออกไปก่อน เนื่องจากตลาดอสังหาฯโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมมีการแข่งขันสูง และมีโครงการเกิดขึ้นใหม่จำนวนมากในช่วงระยะ 1-2 ปีนี้ อีกทั้งเป็นการเบรกแผนการลงทุนเดิม เพื่อรอความชัดเจนจากผู้ร่วมทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่อยู่ระหว่างการเจรจาที่จะเข้ามาลงทุนร่วมกัน จึงต้องการรอให้ได้ข้อสรุปชัดเจนก่อนจะเริ่มดำเนินการพัฒนาโครงการ อสังหาฯเบรกลงทุน...ยาว "ธุรกิจ อสังหาฯเราทำต่อแน่ แต่ขอสโลว์ดาวน์ก่อนช่วงนี้ ยังไม่ต้องเร่ง เราต้องเดินทางบนถนนสายธุรกิจที่มั่นคงที่สุดสำหรับเรา นั่นคือ รถไฟฟ้า เพราะเป็นธุรกิจหลักของบริษัท สร้างรายได้ให้บริษัทกว่า 80% ส่วนอสังหาฯเมื่อมั่นคงแล้วค่อยทำทีละขั้น ตอนนี้ก็ทำไปเรื่อย ๆ มีคอนโดมิเนียม 2 โครงการที่ยังดำเนินการอยู่ คือ โครงการแอ็บสแตร็กส์ พหลโยธิน และสุขุมวิท 66/1" นายคีรีกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธุรกิจอสัหาฯขณะนี้บริษัทกำลังเจรจาผู้ลงทุนทั้งในประเทศและต่าง ประเทศ ที่สนใจจะเข้ามาร่วมลงทุนพัฒนาโครงการรูปแบบต่าง ๆ ในแลนด์แบงก์ที่มีอยู่ในมือมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้ "ยังบอกไม่ได้ว่าจะทำรูปแบบไหน เช่น กองทุนจากต่างประเทศ ซึ่งก็มีหลายรายสนใจสอบถามมายังบริษัท เนื่องจากที่ดินแต่ละแปลงของเราอยู่ในแนวรถไฟฟ้า แนวโน้มการพัฒนาโครงการจะไม่เลือกพัฒนาแปลงไหนเป็นพิเศษ คงจะทำพร้อมกันทั้งหมดหรือเป็นแบบยกแพ็กเกจ แล้วดึงนักลงทุนต่างชาติมาร่วมและพัฒนาหลาย ๆ รูปแบบ" นายคีรีกล่าวและว่า สำหรับ ที่ดินที่ยังไม่ได้พัฒนา เช่น บริเวณสถานีพญาไท ด้านข้างอาคารพญาไทพลาซ่า เนื้อที่ 2 ไร่ เดิมมีแผนพัฒนาเป็นโรงแรม ที่ดินบริเวณสถานีหมอชิตข้างธนาคารทหารไทย เนื้อที่ 15 ไร่ ปัจจุบันปรับปรุงทำเป็นลานจอดรถชั่วคราวสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการรถไฟฟ้าบี ทีเอส เป็นต้น สนประมูลต่อขยายบีทีเอส นายคีรีกล่าว อีกว่า สำหรับแผนดำเนินธุรกิจรถไฟฟ้านั้น ล่าสุดได้จัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อระดมทุนจำนวนกว่า 60,000 ล้านบาท จะนำเงินส่วนหนึ่งประมาณ 30,000 ล้านบาทมาลงทุนส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าที่รัฐบาลมีนโยบายจะเปิดประมูลในเร็ว ๆ นี้ โดยบริษัทมีความสนใจจะลงทุนในเส้นทางที่ต่อเชื่อมกับรถไฟฟ้าบีที เอสสายปัจจุบัน คือ สายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 18 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 58,590 ล้านบาท, สายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 12.8 กิโลเมตร มูลค่าโครงการกว่า 30,000 ล้านบาท และสายสีชมพู ช่วงแคราย-ปากเกร็ด-มีนบุรี ระยะทาง 36 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 58,624 ล้านบาท ซึ่งมีสถานีร่วมกับสายสีเขียว ณ สถานีบางเขน บริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์หลักสี่ "เส้นทางที่ต่อเชื่อมกับเราสนใจหมด และมีโอกาสที่จะได้สูงเพราะถ้าไม่ใช่เราทำใครจะทำ ในอนาคตสร้างเสร็จแล้วถึงยังไงก็ต้องมาต่อเชื่อมกับระบบเรา ถ้าให้เราทำมีแต่วิน-วินเพราะรถไฟฟ้าจะวิ่งได้ทั้งเส้นทางเดิมและสายทางที่ ขยายใหม่ ผู้ใช้บริการไม่ต้องเปลี่ยนขบวนรถและใช้ตั๋วใบเดียวกันได้ แต่ถ้ารายอื่นเข้ามาจะต้องมาเจรจากันอีก" ยาหอม "ตั๋วร่วม" ใช้ปีนี้ นอก จากนี้ บริษัทกำลังรอดูว่าแนวทางการลงทุนโครงการระบบรางใน 2 ล้านล้านบาทจะมีโครงการไหนที่บริษัทสามารถทำได้ โดยจะนำมาพิจารณาเข้าร่วมประมูลด้วย เนื่องจากบริษัทเป็นหนึ่งในธุรกิจรถไฟฟ้าของประเทศไทย "เราพร้อมลงทุนทุกรูปแบบ เช่น การเดินรถไฟฟ้าที่เราถนัด ยกเว้นจะให้เราลงทุนเหมือนบีทีเอสสายแรกต้องลงทุนเองทั้งหมด 100% เราไม่เอา" นาย คีรีกล่าวอีกว่า สำหรับโครงการใหม่ที่บริษัทประมูลได้นั้นจะนำมาเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยนำมาตั้งกองทุนเฟสใหม่เพื่อขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต ขณะเดียวกัน บริษัทยินดีจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการผลักดันโครงการระบบตั๋วร่วม ซึ่งปัจจุบันรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดินได้ร่วมมือกันนำร่องระบบตั๋ว ร่วมโดยใช้บัตรโดยสาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรใต้ดินหรือบีทีเอสสามารถใช้บริการในระบบเดียวกันได้แล้ว คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ภายในปีนี้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ บริการรถไฟฟ้าทั้ง 2 ระบบ
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (23 เมษายน 2556)
TAG :"เสี่ยคีรี",เบรกยาว,ธุรกิจ,อสังหา,แนว,รถไฟฟ้า,อีบิลด |