เลือกกระเบื้องเซรามิก ต้องดูที่ไหนบ้าง 1.ดูที่ ประเภทของกระเบื้อง เซรามิค (CERAMIC) โมเสก (MOSAIC) ดินเผา แก้ว (GLASS MOSAIC) 2.เลือก ที่ลักษณะการใช้งาน ตามประเภทที่ระบุ ซึ่งจะมีแบ่ง เป็น FLOOR TILE เหมาะ สำหรับปูพื้นเพราะแข็งแรงและรับน้ำหนักได้มากเป็นพิเศษ เหมาะกับงานปูพื้น WALL TILE ผ่านการเผา2ครั้ง จึงให้สีที่สวยและเงางาม และมีน้ำหนักเบา แต่ไม่แข็งแรง รับน้ำหนักได้น้อย จึงเหมาะกับงานบุผนัง 3. ดูขนาดแผ่นขนาด ความ กว้าง X ยาว ของกระเบื้อง ที่ระบุจะเป็น ทั้งหน่วย นิ้ว, ซม. ถ้าละเอียดก็เป็นมม.ทีเดียว ซึ่ง ในแต่ละบริษัทจะมีแบบและขนาดที่ต่างกันควรสังเกตให้ดีหากจะปูสลับสีและลายใน ห้องเดียวต้องดูให้แผ่นเท่ากันเพื่อรอยต่อที่สวยงาม 5. เกรดสินค้า แบ่งกัน ตามความผิดพลาดในการผลิตของขนาด ความหนา พื้น ผิว น้ำหนัก การดูดซึมน้ำ สีสัน และลวดลาย ซึ่งแบ่งออกได้เป็น เกรด A หรือ PREMIUM, เกรด B หรือ COMMERCIAL และ เกรด C ตรงนี้มีผลกับความสวย งามและราคาจึงเป็นอีกตัวที่ควรตัดสินใจเพราะช่วยประหยัดงบได้ 6. บนข้างกล่องจะมีข้อมูลระบุอยู่ ให้สังเกตด้วยเพราะมีประโยชน์ - PCS. คือ จำนวนแผ่นที่บรรจุ ต่อกล่อง - KGS./CARTON ระบุน้ำหนักกระเบื้อง (กก.) ต่อกล่อง สำหรับคำนวนน้ำหนักการจัดส่งขนย้าย - SQ.M./CARTON จำนวนพื้นที่ ที่ปูได้หน่วยตารารางเมตร ต่อกล่อง - SQ.FT./CARTON จำนวนพื้นที่ ที่ปูได้หน่วยตารารางฟุต ต่อกล่อง 7. จด Product Name ไว้ด้วย ชื่อ รุ่น ของ ผลิตภัณฑ์นั้นๆ ควรจดไว้เผื่อกระเบื้องเสียหายหรือปูไม่พอจะได้มาตามซื้อ.ใหม่ได้ถูก หรืออย่างในโฮมโปร จะระบุ เลขรหัสสินค้าไว้ด้วยหากรู้จะช่วยในการเช็คสินค้าจำนวน ราคาได้รวดเร็วขึ้น 8.การเลือกสี นอกจากดู สี ของกระเบื้องในรุ่นนั้นๆให้ถูกใจแล้วต้องทำความเข้าใจธรรมชาติของกระเบื้องว่าการผลิตกระเบื้องแต่ละครั้งการเผาจะได้สีที่ต่างกันบ้าง ดังนั้นหากต้องการให้สีเท่ากันทุกแผ่นแนะนำให้ซื้อที่ผลิตในล็อตเดียวกัน 9. ดู Mfg. Date วัน/เดือน/ปี ที่ผลิตซึ่งมีผลต่อเฉดสี และ ขนาดของกระเบื้องในล็อตนั้นๆ เพื่อสีของห้องที่สม่ำเสมอควรสังเกตให้ดี 10. ชื่อประเทศ ผู้ผลิต ซึ่ง ในท้องตลาดส่วนใหญ่ 70% เป็น กระเบื้องไทย 15% จากมาเลเซีย, 10%จาก อิตาลี และ5%จากจีน ซึ่งคุณภาพและสไตล์ก็จะแตกต่างกันไป 11. ราคา กระเบื้องจะระบุต่อ 1กล่อง ซื้อส่วนใหญ่จะปูได้ 1ตรม. แต่ก็ไม่แน่ต้องสังเกตให้ดี 12. ค่าการดูดซึมน้ำของกระเบื้อง จะมีผลต่อสภาพความชื้นที่จะเป็นปัญหาเรื่องการหลุดร่อน และความคงทนของกระเบื้อง -0% ไม่มีการดูดซึมน้ำจึงไม่มีปัญหาเรื่องความ ชื้น -≤3% มี การดูดซึมน้ำต่ำมาก จึง เหมาะกับงานปูสระว่ายน้ำ และ งานภายใน-นอกอาคารที่ สัมผัสน้ำบ่อยๆ ->3- 6% มี การดูดซึมน้ำน้อย จึง ใช้ได้ทั้งงานปูภายในและภายนอกอาคาร ->6 -10% มีการดูดซึมน้ำปานกลาง เหมาะกับงานปู ภายใน กับภาย นอกที่มีความชื้นไม่มากนัก ->10-16% มีการดูดซึมน้ำสูง จึงไม่เหมาะปูในที่มีความชื้นสูงอย่าง ภายนอกอาคารที่ถูกแดดและ ฝนเป็นประจำ TIPS * ถ้าสงสัยว่า จะ ต้องใช้กระเบื้องกี่กล่อง เอาสูตรนี้ไปใช้เลย ! จำนวนกล่อง = กว้าง X ยาว ของพ.ท.ที่จะปู (เมตร) จำนวนพื้นที่ที่ปูได้ต่อ 1 กล่อง (ตารางเมตร)
*หมายเหตุ การซื้อกระเบื้องสำหรับปูลายแบบขนาน ควรซื้อเผื่อการตัดขอบ ประมาณ 3-5% ส่วนการปู แบบทแยงเผื่อ ประมาณ 7-10% ที่มา: http://www.homepro.co.th/hometips/tipdetail.asp?tid=80&id=6
TAG : |