เป็นวัสดุตกแต่งอาคารที่ความรู้สึกสว่าง สวยงาม การเลือกหามาใช้ทำได้โดยง่าย มี จำหน่ายอยู่ทั่วไป มีขนาดความหนาหลายขนาดแล้วแต่ว่าจะทำไปใช้ในงานประเภทไหน เราจะแยกประเภทกระจก จากการผลิตแล้วกันนะครับ การผลิตกระจกแผ่นเราสามารถแบ่ง ได้ 2 ขั้นตอนคือ อุตสาหกรรมกระจกแผ่น และอุตาหกรรมกระจกต่อเนื่อง โดยเราจะเริ่มจากอุตสาหกรรมกระจกแผ่น แยกได้เป็น 2 อย่างนะครับ คือ กระจกใสธรรมดา และกระจกสี
1. กระจกธรรมดา (Float Glass) 1.1. กระจกใส (Clear Float Glass) กระจกใสคือกระจกโปร่งแสงที่สามารถมอง ผ่านได้อย่างชัดเจนและ ให้ภาพสะท้อนที่สมบูรณ์ ไม่บิดเบี้ยว สามารถมองเห็นจากภายนอก เข้ามาภายในได้อย่างชัดเจนมีค่าการตัดแสง ประมาณ 8% สำหรับกระจกใสหนา 12 มิลลิเมตร และตัดแสงได้มากขึ้นตามความหนาของกระจกผิวกระจกไม่ร้อน เพราะกระจก ดูดกลืนความร้อนได้น้อยมาก ข้อแนะนำ - สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากภายนอก ซึ่งเหมาะกับการใช้งานประเภทแสดงสินค้า แต่อาจไม่เหมาะกับ ส่วนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เพราะคนภายนอกสามารถมองเห็นเข้ามาภายในได้อย่างชัดเจน - กระจกใสมีค่าการสะท้อนแสงน้อยจึงเหมาะสำหรับห้องที่ต้องการมองออกไปภายนอก เพราะสามารถมองเห็น ภาพทิวทัศน์ได้อย่างชัดเจน
1.2. กระจกสี (Tinted Float Glass) ผลิตขึ้นโดยการผสมโลหะออกไซด์เข้าไปใน ส่วนผสม ในขั้นตอน การผลิตกระจก ทำให้กระจกมีสีสัน ผิวกระจกจะร้อน เนื่องจากสีของเนื้อกระจกที่เกิดจากการเติมโลหะออกไซด์ ต่างๆ เป็นตัวดูดความร้อน ทำให้ความร้อน จากกระจกแผ่เข้ามาภายในอาคาร กระจกสีตัดแสงไม่ให้เข้ามา ภายในอาคารมากและมีการบังแดดได้มากกว่ากระจกใสสามารถ สกัดกั้นความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบ กระจกสีได้มากกว่ากระจกใส ปริมาณการดูดกลืนความร้อนขึ้นอยู่กับส่วนผสมของเนื้อกระจก ช่วยลดความจ้า ของแสงที่ส่งผ่านกระจกสีทำให้ได้แสงที่นุ่มนวลและเกิดความสบายตาในการมอง ข้อแนะนำ - ไม่ควรให้ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศเป่ากระทบผิวหน้าของกระจกโดยตรงเพราะจะ ทำให้กระจกสูญเสีย พลังงานมาก - ไม่ควรติดผ้าม่านที่มีความหนาทึบหรือวางตู้เหล็ก หรือสิ่งของอื่นๆ ชิดกับกระจก หรือติด ตั้งปิดบังกระจก โดยไม่มีการถ่ายเทความร้อน เพราะอาจทำให้กระจกสะสมความร้อนเพิ่มขึ้น และเป็นสาเหตุให้กระจกสี แตกร้าวได้ง่าย - ไม่ควรทาสีหรือติดแผ่นกระดาษใดๆลงบนผิวกระจก - ควรจะต้องมีการตัดหรือฝนขอบกระจกให้เรียบ เพื่อทำให้ขอบกระจกมีความทนทานต่อการแตกร้าวจากแรงดึง และแรงเค้นที่ผิวและขอบของกระจก
อุตสาหกรรมกระจกต่อเนื่อง คือการนำกระจก Float Glass นำมาประยุกต์ให้เกิด การใช้งานที่ได้ประโยชน์ มากขึ้น
2. กระจกกึ่งนิรภัย (Heat Strengthened Glass) กระจกกึ่งนิรภัย ผลิตจากกรรมวิธีการผลิตที่ทันสมัย โดยการนำแผ่นกระจกธรรมดา ผ่านกระบวนการอบความร้อน ที่อุณหภูมิประมาณ 700 องศาเซลเซียส จากนั้นผ่านกระบวน การทำให้เนื้อกระจกเย็นลงอย่างช้าๆ โดยใช้ลมเป่า ไปยังกระจกทั้ง 2 ด้าน ทำให้ได้กระจกซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษแข็งแกร่งกว่ากระจกธรรมดา 2 เท่า จึงสามารถ รับแรงอัดของลมได้ดีกว่ากระจกธรรมดาที่มีความหนาเดียวกัน คุณสมบัติกระจกกึ่งนิรภัย คือแข็งแกร่งกว่ากระจกธรรมดา 2 เท่า สามารถรับแรงอัดของลมได้ดีกว่ากระจกธรรมดา ที่มีความหนาเดียวกัน จึงสามารถนำไปใช้ในการติดตั้งกระจกกับโครงสร้างอาคารสูง เหมาะสำหรับการป้องกัน การแตกของกระจกเนื่องจากความร้อน ลักษณะการแตกเหมือนการแตกของกระจกธรรมดา คือ แตกเป็นแผ่น ไม่หลุด
3. กระจกนิรภัยเทมเปอร์ (Tempered Glass) หรือที่เรียกทั่วไปว่ากระจกอบเป็นกระจกที่นิยมใช้เป็นกระจกนิรภัย เพราะเมื่อกระจกเทมเปอร์แตกมันจะแตก เป็นเกล็ดเล็ก ๆ คล้ายเม็ดข้าวโพดและไม่มีคมจึงเกิดอันตรายน้อย ซึ่งต่างจากการแตกของกระจกธรรมดา ที่แตกเป็นเสี่ยง จึงแหลมคมทำให้เป็นอันตรายมากกว่า นอกจากนี้กระจกเทมเปอร์ยังแข็งกว่ากระจกธรรมดา หลายเท่าความแข็งที่เพิ่มขึ้นของกระจกเทมเปอร์เกิดจากกระบวนการผลิต โดยการอบแผ่นกระจกด้วย ความร้อนสูงและใช้ลมเป่าให้เย็นลงอย่างรวดเร็ว ทำให้บริเวณเนื้อกระจกภายนอกเย็นตัวเร็วกว่าเนื้อในของกระจก ขณะที่เนื้อกระจกภายนอกเย็นตัวแล้วเนื้อในของกระจกที่ค่อย ๆ เย็นจะเกิดความเค้นขึ้นส่งผลให้กระจกเทมเปอร์ มีความแข็งเพิ่มมากขึ้นถ้าดูด้วยสายตาปกติ ปราศจากเครื่องมือพิเศษ ส่องดูเนื้อกระจกแล้ว กระจกเทมเปอร์ ก็จะดูเหมือน กระจกธรรมดาทั่วไป แต่สิ่งที่แตกต่าง คือ ความแข็งแกร่ง ที่มีมากกว่า กระจกธรรมดา (Float Glass) ประมาณ 5 เท่าตัว เราจึงเรียกกระจกชนิดนี้ว่า กระจกนิรภัยเทมเปอร์ เหมาะสำหรับใช้งานในสภาพ ที่เสี่ยงต่อการกระทบกระแทก หรือร้อนจัด หนาวจัด
4. กระจกลามิเนต (Laminated Glass) Lamsafe กระจกนิรภัยหลายชั้น ซึ่งเกิดจากการนำเอากระจกตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไปมา ประกบติดกันโดยมี แผ่นฟิล์ม PVB ที่มีคุณสมบัติเหนียวคั่นกลางซึ่งทำหน้าที่ยึดแผ่นกระจกให้ ติดกัน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการ ความแข็งแรง และความปลอดภัยสูง คุณสมบัติพิเศษอีก ประการของ Lamsafe คือสามารถช่วยลดแสง UV และเสียงรบกวนได้ดีสร้างความเป็นส่วนตัวแก่ผู้อยู่อาศัยมั่นใจในความปลอดภัย คุณสมบัติพิเศษที่ได้ผ่านขบวนการผลิตด้วยเทคนิคสูงกระจก Lamsafe ช่วยยึดกระจกให้ติดแน่น เมื่อเกิด การแตกเศษกระจกยังคงยึดติดกับแผ่นฟิล์มไม่ร่วงหล่นลงมาช่วยลดอันตราย จึงเหมาะกับการใช้งานบริเวณ ที่ลาดเอียงหรือบริเวณที่อยู่เหนือศีรษะ เช่น อาคารสูงและ หลังคา เป็นต้น รูปแบบการใช้งาน - กระจกหน้าต่างอาคาร,ผนังภายใน - ประตูทางเข้าอาคาร,ประตูภายในอาคาร - ตู้กระจกแสดงสินค้า และสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการโจรกรรม เช่น พิพิธภัณฑ์,ร้าน เครื่องเพชร,พลอย เป็นต้น - กระจกที่ติดตั้งอยู่เหนือศีรษะ หรือผนังลาดเอียง เช่น หลังคา - ผนังห้องประชุม เพื่อลดเสียงรบกวนจากภายนอก - ธนาคาร ที่ทำการไปรษณีย์ และสถานที่ ที่ต้องการรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ - ราวบันได ราวระเบียง ราวเฉลียง ซึ่งใช้ป้องกันการพลัดตกจากที่สูง - กระจกกันกระสุน (.38 ซุปเปอร์อัตโนมัติ,.357 แมกนั่ม รีออริโอ, .44 แมกนั่ม รีออ ริโอ, .30 -.06 ปืนกลไรเฟิล)
5. กระจกฉนวนความร้อน (Insulating Glass Units) กระจกฉนวนความร้อน ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยการนำกระจก 2 แผ่น มา ประกอบกันโดยมี เฟรมอลูมิเนียมคั่นกลาง ผ่านกรรมวิธีการผลิตที่นำสมัยด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เป็นกระจกที่ช่วยในด้าน การประหยัดพลังงานป้องกันการถ่ายเทความร้อนระหว่าง ภายในกับภายนอกอาคารคุณสมบัติสามารถป้องกัน การถ่ายเทความร้อนจากภายนอกก่อให้ เกิดบรรยากาศสบายแก่ผู้อยู่อาศัยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก ก่อให้เกิดบรรยากาศ เป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย สามารถป้องกันการถ่ายเทความร้อนจากภายนอก จึงช่วยลด ภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและพลังงาน ไม่ทำให้เกิดฝ้าหรือหยดน้ำ แม้ว่าอุณหภูมิภายในกับภายนอกแตกต่างกันมาก รูปแบบการใช้งาน - ใช้กับอาคารสูงระฟ้า อาคารสำนักงาน และอาคารพาณิชย์ทั่วไป ที่ต้องการควบคุมสภาพ แวดล้อมภายใน ด้านเสียง อุณหภูมิ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล สนามบิน สำนักงาน เป็น ต้น - ใช้ในสถานที่ต่างๆ ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย และพลังงาน - ใช้ในสถานที่ต่างๆ ที่ต้องการตัดเสียงรบกวนจากภายนอก และภายใน เช่น ห้องบันทึก เสียง เป็นต้น - ใช้กับตู้แช่ที่ต้องการสินค้าด้านใน ข้อแนะนำ - ควรเก็บกระจกภายในบริเวณที่มีการถ่ายเทอากาศได้ดี ไม่มีแสงแดดส่องผ่านโดยตรง - ไม่ควรใช้งานในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 70 องศาเซลเซียสเนื่องจากอาจทำให้อายุการใช้งานสั้นลง - ไม่ควรให้ลมจากเครื่องปรับอากาศกระทบกระจกโดยตรง
ที่มา : http://www.designlikeus.com
TAG : |