ผู้ใช้ทางด่วนทำใจ เตรียมควักกระเป๋าจ่ายค่าผ่านทางเพิ่ม 5 บาท "กทพ." ถก "บีอีซีแอล" คู่สัญญาสัมปทาน หลังครบรอบปรับค่าผ่านทางใหม่ตามสัญญาทุก ๆ 5 ปีตามดัชนีผู้บริโภค "อัยยณัฐ ถินอภัย" ผู้ว่าการ กทพ. เผยไม่หนักใจ คาดนำเข้าสู่กระบวนการข้อพิพาทเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เหตุตีความสัญญาไม่เหมือนกัน

นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในวันที่ 1 กันยายน 2556 ครบกำหนดจะต้องมีการปรับค่าผ่านทางระบบทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 ตามเงื่อนไขในสัญญาที่ได้ทำไว้กับบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีซีแอล ผู้รับสัมปทานโครงการจะมีการปรับค่าผ่านทางทุก ๆ 5 ปี ตามดัชนีผู้บริโภค (CPI) จนกว่าสัญญาสัมปทานจะหมด ซึ่งยังเหลืออีก 8 ปี หรือสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2563

"ตอนนี้ยังไม่ได้พิจารณา และทางบีอีซีแอลยังไม่ได้ทำหนังสือมาเพื่อขอปรับค่าผ่านทางใหม่ ตามสัญญาจะต้องเจรจากันล่วงหน้า 6 เดือนก่อนที่จะประกาศอัตราใหม่ คาดว่าจะเริ่มเจรจากันอย่างเป็นทางการกับบีอีซีแอลได้เดือนมีนาคมปีหน้า"


นายอัยยณัฐกล่าวต่อว่า แนวทางการเจรจายึดตามดัชนีผู้บริโภคเป็นหลัก โดยใช้ฐานของปี 2555 ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด ยังไม่รู้ว่าจะปรับขึ้นอีกกี่บาท จากปัจจุบันรถยนต์ 4 ล้อ เก็บอยู่ที่ 45 บาท

อย่างไรก็ตามไม่ค่อยกังวลใจเท่าไหร่ เนื่องจากที่ผ่านมาการพิจารณาปรับค่าผ่านทางทุกครั้งจะไม่เป็นไปตามที่เอกชนร้องขอ เนื่องจากทั้ง กทพ.และเอกชนมีการตีความในสัญญาไม่ตรงกันเรื่องการปัดเศษ ว่าถ้าไม่ถึง 5 บาทควรจะปรับขึ้นหรือปรับลง โดยบริษัทมองว่าน่าจะปัดขึ้น ขณะที่ กทพ.มองว่าน่าจะปัดเศษลงมา ทำให้ที่ผ่านมามีการยื่นเสนอเป็นข้อพิพาท คาดว่าในการเจรจาครั้งนี้หากไม่ได้ข้อยุติ มีแนวโน้มสูงจะออกมาในรูปแบบเดิม

นายอัยยณัฐกล่าวอีกว่า สำหรับข้อพิพาทระหว่าง กทพ.และบีอีซีแอลยังคงอยู่เหมือนเดิม แม้ว่าที่ผ่านมาบริษัทจะมีความพยายามเจรจาเพื่อขอยุติ และให้พิจารณาการขยายอายุสัญญาสัมปทานที่เหลืออยู่ 8 ปีออกไปอีกก็ตาม ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ทาง บริษัทบีอีซีแอลออกมาระบุว่า หลังจากคำนวณตามดัชนีผู้บริโภคแล้ว คาดว่าอัตราค่าผ่านทางใหม่ที่จะปรับขึ้นในวันที่ 1 กันยายน 2556 นี้ คาดว่าขั้นต่ำอยู่ที่ 5 บาท อีกทั้งส่วนแบ่งรายได้การจัดเก็บค่าผ่านทางระหว่าง กทพ. และบริษัทในปี 2556 นี้ สัดส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสัญญาสัมปทาน จากเดิมอยู่ที่ 50:50 จะเป็น 60:40 ตามลำดับ



ที่มา  :  12 ก.ย. 2555 ประชาชาติธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น