"ไพโรจน์ ทุ่งทอง" โผล่สยบข่าวลือโครงการล้ม ได้ฤกษ์ตอกเข็มโปรเจ็กต์ "สวนลุมไนท์บาซาร์รัชดาภิเษก" มูลค่าร่วม 4,000 ล้าน หลังใช้เวลาเกือบ 2 ปี เคลียร์ใบอนุญาตก่อสร้าง-กรรมสิทธิ์ที่ดินเช่าจากการรถไฟฯ เฟสแรกฝั่งติดรถไฟฟ้าใต้ดิน "ลาดพร้าว-รัชดาภิเษก" ทุ่ม 2,900 ล้านบาท เนรมิตเนื้อที่ 8 ไร่ เป็นแหล่งช็อปปิ้ง โรงแรม 4 ดาว เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เปิดบริการปี"57
นายไพโรจน์ ทุ่งทอง ประธานบริหาร บริษัท แบงค็อกไนท์บาซาร์ จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้ได้เริ่มลงมือก่อสร้างโครงการสวนลุมไนท์บาซาร์รัชดาภิเษก อยู่ริมถนนรัชดาภิเษก บริเวณแยกรัชดาฯ-ลาดพร้าวแล้ว หลังใช้เวลาร่วม 2 ปี เคลียร์เรื่องการอนุญาตก่อสร้างจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) และกรรมสิทธิ์การเช่าที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่บริษัทได้สิทธิ์เช่า 22 ปี

เนื่องจากกรรมสิทธิ์เช่าเดิมมี 3 บริษัท คือบริษัท รัชดา รีสอร์ท อพาร์ทเม้นท์ จำกัด, บริษัท พี.ไทย เรสซิเดนท์ จำกัด และบริษัท แบงค็อกไนท์บาซาร์ จำกัด ดังนั้น เพื่อไม่ให้ลูกค้าเช่าพื้นที่เกิดความสับสน บริษัทขอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) พิจารณาอนุมัติรวมเป็นแปลงเดียวกัน ภายใต้ชื่อบริษัท แบงค็อกไนท์บาร์ซาร์ จำกัด ซึ่งกว่าจะรับโอนกรรมสิทธิ์ก็ใช้เวลาร่วม 5-6 เดือน ทำให้โครงการล่าช้าไปจากแผนที่ได้เปิดตัวโครงการเมื่อต้นปี 2553 ที่ผ่านมา

"โครงการผมยังไม่ล้มนะ ติดปัญหาอยู่บ้าง แต่ทุกอย่างเคลียร์หมดแล้ว ตอนนี้ผมเดินหน้าก่อสร้างอย่างเดียว เริ่มสร้างได้ 2 เดือนแล้ว จะเสร็จปลายปีหน้า และเปิดช่วงวันปีใหม่ รูปแบบโครงการยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ผมร่วมกับผู้ถือหุ้นอีก 2-3 คน เงินลงทุนมีเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากค่าวัสดุก่อสร้างที่แพงขึ้น เดิมประเมินไว้เฟสแรกมูลค่าโครงการ 2,600 ล้านบาท เพิ่มเป็น 2,900 ล้านบาท"

นายไพโรจน์กล่าวต่อว่า เฟสแรกที่ดินฝั่งใกล้สถานีรถไฟฟ้ารัชดาภิเษก บนเนื้อที่ 8 ไร่ พัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส ที่จอดรถ 4 ชั้น (รวมใต้ดิน) 2,000 คัน ออกแบบเป็นตึกสูง 18 ชั้น 2 อาคาร โซนพลาซ่าจะอยู่ในส่วนของเซอร์วิสอพาร์เมนต์ บริเวณชั้น 1-4 กว่า 1,000 ร้านค้า เช่น ร้านอาหาร เสื้อผ้า เครื่องประดับ และซูเปอร์มาร์เก็ตเปิดบริการ 24 ชั่วโมง ชั้นที่ 8-17 เป็นเซอร์วิสฯ 789 ห้อง ค่าเช่า 11-1.2 หมื่นบาท/เดือน และโรงแรมกว่า 300 ห้อง ตามแผน 80% รองรับกรุ๊ปทัวร์แถบยุโรปและเอเชีย อีก 20% เป็นบุคคลทั่วไป ค่าบริการ หากเป็นกรุ๊ปทัวร์ไม่ถึง 1,000 บาท/คืน คนทั่วไปอยู่ที่ 1,800 บาท/คืน

จุดขายเซอร์วิสอพาร์เมนต์ จะนำข้อจำกัดของคอนโดฯมาปรับใช้ เช่น จะมีห้องประมาณ 100 ห้อง สำหรับลูกค้าต้องการเลี้ยงสัตว์เล็ก พร้อมลิฟต์ส่วนตัว มีคลินิกรักษาสัตว์ภายในโครงการด้วย ส่วนโรงแรม จุดขายจะมีห้อง 4 สไตล์ให้เลือก คือไทย โมเดิร์น คอนเทมโพลารี่ และซาฟารี ส่วนล็อบบี้จะเป็นธีมป่า ลูกค้าเข้ามาจะเจอแต่ต้นไม้ เป็นต้น

"พื้นที่ค้าขายเฟสแรกเต็มแล้ว ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเดิมจากสวนลุมไนท์บาซาร์ที่ย้ายมา และมีจากย่านห้วยขวาง และผู้ค้าส่งจากประเทศจีนก็มี เราให้เซ้งยาว 12 ปี เฉลี่ย ตร.ม.ละ 1 แสนบาท และมีเช่าระยะสั้น 3-6 ปี" นายไพโรจน์กล่าวและว่า กำลังจะเปิดพื้นที่เฟส 2 เร็ว ๆ นี้ บนที่ดินเช่า 30 ปี จากเอกชน อยู่แปลงติดกัน ขนาด 5 ไร่ คาดว่า 5-6 เดือน จะเริ่มก่อสร้างได้ กำลังรออนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และขอใบอนุญาตก่อสร้างจาก กทม. เป็นตึกสูง 8 ชั้น มูลค่าโครงการประมาณ 250 ล้านบาท จะเปิดจองพื้นที่หลังจากสร้างเสร็จแล้ว รูปแบบเซ้ง 12 ปี ตร.ม.ละ 1.2 แสนบาท (5X5 ตร.ม.) กับเช่า 3 และ 6 ปี โดยปีแรกอยู่ที่ 6,500 บาท/ห้อง ปีที่ 2 ปรับขึ้นเป็น 8,000 บาท/ห้อง ปรับค่าเช่าทุก 3 ปี ประมาณครั้งละ 10%

นายไพโรจน์กล่าวว่า ขณะที่พื้นที่ฝั่งติดกับศาลอาญา และอาคารจอดรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีลาดพร้าว พื้นที่ประมาณ 7 ไร่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอขออนุญาตก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มได้อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แต่เนื่องจากสัญญาเช่าจากการรถไฟฯ เหลือน้อยประมาณ 20 ปี จึงสร้างเป็นอาคารสูงมากไม่ได้ เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้การคืนทุนช้า

โดยรูปแบบจะเป็นอาคารสูง 8 ชั้น ทำเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 420 ยูนิต โชว์รูมรถหรูพร้อมศูนย์ซ่อมบำรุง ที่จอดรถ โซนพลาซ่ามีร้านอาหารจีน ญี่ปุ่น ซูเปอร์มาร์เก็ต 24 ชั่วโมง มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท รองรับลูกค้ามาติดต่อที่ศาลอาญาและทั่วไป ทั้งนี้ อาจจะมีการพัฒนาร่วมกับเจ้าของที่ดินแปลงติดกัน เพื่อให้สอดคล้องกัน

"ทำเลรัชดาฯ-ลาดพร้าว ศักยภาพสูง มีรถไฟฟ้าใต้ดินพาดผ่าน ใกล้สถานีรถไฟฟ้า 2 สถานี คือลาดพร้าวและรัชดาภิเษก สะดวกสบายในการเดินทาง ผมมั่นใจว่าโครงการจะประสบความสำเร็จ ทั้งในส่วนพลาซ่าและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เพราะถ้าเทียบกับค่าเช่าเท่านี้กับการอยู่คอนโดฯ มีข้อจำกัดหลายอย่าง แถมต้องจ่ายค่าส่วนกลางอีก ผมว่าแข่งกับคอนโดฯได้นะ"

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ที่ดินแปลงอยู่ติดกับที่ดินการรถไฟฯ ที่นายไพโรจน์เช่ามานั้น เป็นของนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ที่ให้ทายาทนำมาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้มีการพัฒนา เนื่องจากที่ดินติดปัญหาเรื่องทางเข้า-ออกที่ค่อนข้างแคบ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเกลี่ยหน้าดิน เพื่อพัฒนาโครงการ



ที่มา  :  06 มิ.ย. 2555   ประชาชาติธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น