นายปริญญา เธียรวร ประธานกรรมการ บริษัท วี. เอ็ม. พี. ซี. จำกัด เปิดเผยว่า   โครงการ แอสเทร่า เรสซิเดนซ์  จะได้กฤษ์เปิดบ้านตัวอย่างเป็นทางการให้ลูกค้าเข้าชมได้แล้ว  ภายใต้คอนเซ็บต์ บ้านที่อยู่ได้ในทุกช่วงอายุของชีวิต โดยนำประสบการณ์จากการเป็นเจ้าของคอนโดให้ต่างชาติเช่าในระดับไฮเอ็น มาปรับใช้กับการบริหารจัดการบ้านเดี่ยว โดยโครงการแรกๆของบริษัท  จะเน้นทำเลพระราม 2 เป็นหลัก เนื่องจากเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง และกำลังเตรียมเปิด ซอท์ฟโอเพ่นนิ่ง ให้ลูกค้าสามารถเข้าเยียมชมโครงการได้ตั้งแต่ต้นกันยายน เป็นต้นไป
 
“ วันนี้โครงการแอสเทร่า เรสซิเดนซ์  โครงการแรกของบริษัทพร้อมเปิดตัวให้ลูกค้าได้ชมอย่างเป็นทางการแล้ว โดยโครงการตั้งอยู่ที่บริเวณพระราม 2 ถนนพุทธบูชา ซอย 21-23 เป็นโครงการบ้านเดี่ยว สไตล์ โมเดิร์น จำนวนจำกัดเพียง 10 หลังเท่านั้น มีแบบบ้านเพียงแบบเดียว ขนาด 3 ชั้นครึ่ง บนพื้นที่ 62 ตารางวาขึ้นไป มีพื้นที่ใช้สอย 365 ตารางเมตร จอดรถได้ 3 คันในร่ม และกำลังเตรียมเปิดโครงการ แอสเทร่า 2 ในทำเลนี้ เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากผู้บริโภคระดับบน ” นายปริญญา กล่าว  

นอกจากนี้ วี.เอ็ม.พี.ซี. เตรียมพัฒนาโครงการใหม่อีกหนึ่งโครงการในโซนใกล้เคียงกัน เป็นบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ บนเนื้อที่ 12 ไร่ จำนวน 47 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาทต่อยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท ชูจุดขายเรื่องทำเลที่มีศักยภาพ เพราะจะเป็นบ้านจัดสรรโครงการแรกบนต้นถนนพระราม 2 การคมนาคมสะดวก ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน และแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งจะยังคงใช้ แบรนด์ แอสเทร่า เนื่องจากต้องการสร้างแบรนด์นี้ให้เป็นที่รู้จักของตลาดมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทยังมีที่ดินเปล่าสำหรับรองรับการพัฒนาโครงการอีกหลายแปลงในโซนพระราม 2 โซนทวีวัฒนา และใจกลางเมือง โดยยังคงเน้นกลุ่มลูกค้าระดับบน เนื่องจากบริษัทมีฐานลูกค้าอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นการพัฒนารูปแบบใดนั้นขึ้นอยู่กับดีมานด์ความต้องการของตลาดในโซนนั้นๆเป็นหลัก

ขณะที่ในส่วนของธุรกิจให้เช่านั้น นอกเหนือจากโครงการทั้ง 4 แห่ง ที่บริษัทมีอยู่แล้วล่าสุดบริษัทได้เจรจาเข้าซื้อกิจการโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง ที่พัทยา 1 แห่ง และในกรุงเทพฯ 1 แห่ง มูลค่ารวม 800 ล้านบาท คาดว่าจะได้ทราบความชัดเจนในเร็วๆนี้ ทั้งนี้ หากการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวเป็นผลสำเร็จจะให้สัดส่วนรายได้จากการปล่อยเช่าเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 200 ล้านบาท



ที่มา  :  31 ส.ค. 2555  ประชาชาติธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น