" รู้อย่างช่าง สร้างอย่างปราชญ์ "

 


Knowledges



Banner Web eBuild
Banner Web eBuild
Banner Web eBuild
หน้าหลักบทความ     บทความเกี่ยวกับไฟฟ้า  
Article 20 คำถาม ! เรื่องไฟฟ้าที่คุณอยากรู้

วันที่ลง : 04-Mar-2011

20 คำถาม ! เรื่องไฟฟ้าที่คุณอยากรู้

ในชีวิตประจำวันของคนเราส่วนใหญ่ต้องใช้ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานสำคัญในการดำเนินชีวิต แต่มีคน
จำนวนไม่มากนักที่จะให้ความสนใจเรื่องไฟฟ้าที่ใช้กันอยู่ภายในบ้าน เพราะเมื่อพูดถึงไฟฟ้าแล้ว เรามักรู้สึกว่า
เป็นเรื่องลึกลับซับซ้อนและอันตราย ต้องอาศัยผู้มีความรู้ความชำนาญเท่านั้นจึงจะหยิบจับหรือทำได้
 
หากเรามีความเข้าใจเพียงพอมีความระมัดระวังและรู้จักการทำงานที่ปลอดภัยแล้ว มือสมัครเล่นอย่างเราๆ
ก็สามารถซ่อมแซมหรือเปลี่ยนสวิตช์ ปลั๊ก หลอดไฟ หรือแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง ซึ่งช่วยประหยัดเงิน
และเวลาในการหาช่างมาซ่อมแซมด้วย

1. Q: มิเตอร์ไฟบ้านมีขนาด 5 แอมแปร์ เปิดเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่องพร้อมกันได้หรือไม่
    A: ไม่ได้ เนื่องจากมิเตอร์ไฟมีขนาดเล็กเกินไป (ไฟฟ้าอาจดับทั้งบ้านหรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้) ปกติ
มิเตอร์ไฟในบ้านทั่วไปที่การไฟฟ้ามาติดตั้งให้จะกำหนดขนาดการใช้กระแสไฟไว้ประมาณ 5 แอมแปร์ (5A)
และจะเผื่อการใช้งานไว้อีกประมาณสามเท่า แต่เครื่องปรับอากาศที่เจ้าของบ้านซื้อมาเพิ่มเติมภายหลัง
จะใช้กระแสไฟฟ้ามากเกิน 15 แอมแปร์ที่เผื่อไว้ ดังนั้นถ้าจำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศ 2 เครื่องพร้อมกัน
เป็นประจำให้ติดต่อที่การไฟฟ้าในเขตพื้นที่ของท่านเพื่อแจ้งความประสงค์ขอเปลี่ยนมิเตอร์ไฟเป็นขนาด
15 แอมแปร์จะปลอดภัยกว่าแต่เจ้าของบ้านต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เอง

2. Q: สายไฟฟ้ามีวันหมดอายุไหม
    A: ฉนวนหรือเปลือกชั้นนอกที่ใช้หุ้มสายไฟฟ้า ปัจจุบันทำจากพีวีซี ซึ่งมีความแข็งแรงและมีอายุการใช้งาน
ยาวนาน ปกติถ้าเราไม่ใช้กระแสไฟมากเกินกว่าขนาดของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ หรือหนูไม่มากัดแทะสายไฟ
สายไฟที่ได้มาตรฐานจะมีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า15-20 ปี แต่ถ้าปล่อยให้ถูกกระแทก ตากแดดตากฝน
หรือโดนรังสียูวีเล่นงานเป็นประจำ สายไฟจะมีอายุการใช้งานไม่เกิน10 ปี แต่ถ้าเดินสายไฟแบบร้อยท่อ
ก็พอช่วยยืดอายุการใช้งานของสายไฟได้นานถึง 30 ปีทีเดียว

3. Q: ระหว่างเครื่องทำน้ำร้อนที่ใช้ไฟฟ้ากับเครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ อะไรถูกกว่ากัน
    A: เครื่องทำน้ำร้อนที่ใช้ไฟฟ้า ตัวเครื่องมีราคาถูกกว่า (เฉลี่ยหลักหมื่นต้นๆ) ขึ้นอยู่กับขนาดความจุของ
ถังเก็บน้ำร้อน ติดตั้งและดูแลรักษาง่ายกว่า แต่ก็มีค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าไฟฟ้าตามมา
ส่วน เครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ ตัวเครื่องมีราคาสูงกว่า (เริ่มต้นประมาณ 50,000 บาท)
การติดตั้งและการบำรุงรักษาจะยุ่งยากกว่า เพราะส่วนใหญ่จะติดตั้งไว้บนหลังคา แต่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว
โดยลงทุนครั้งแรกเพียงครั้งเดียว แต่ได้พลังงานสะอาดและไม่ต้องเสียค่าไฟฟ้าตลอดชีพ เหมาะกับบ้านหรือ
ที่พักอาศัยที่มีห้องน้ำตั้งแต่ 2 ห้องขึ้นไปและใช้งานเป็นประจำ สำหรับระยะเวลาคุ้มทุนประมาณ 5 ปีขึ้นไป

4. Q: เมื่อเลิกใช้งานเครื่องทำน้ำอุ่นแล้ว ต้องปิดตรงไหนบ้างมีหลายปุ่มเหลือเกิน
    A: จริงๆแล้วถ้าจะปิดให้กดปุ่ม Off ที่ตัวเครื่องก็พอ ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย ถ้าติดตั้งตามที่ผู้ผลิต
แนะนำ* แต่จะยังคงมีกระแสไฟเข้าไปเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา ถ้าจะให้ประหยัดจริงๆ ต้องสับสวิตช์เบรกเกอร์
ในกรณีบ้านใหม่ที่ไม่มีเบรกเกอร์อยู่ใกล้ๆกับเครื่องก็ให้กดปุ่ม Test ที่ข้างๆเครื่อง ปุ่มนี้จะตัดไฟไม่ให้
เข้าไปในเครื่อง เมื่อต้องใช้ใหม่ให้กดปุ่ม Reset ครับ

5. Q: ไฟดูดเราได้อย่างไร ทำไมเราจึงติดจนแยกไม่ออก
    A: จริงๆไฟฟ้าไม่ได้ดูดเราไปติดแต่กระแสไฟฟ้าที่เข้าสู่ร่างกายในปริมาณมากๆจะทำให้กล้ามเนื้อเกร็ง
จนเราไม่สามารถควบคุมสั่งการตัวเองให้แยกออกมาได้ ตัวอย่างเช่น ถ้ามือกำสายไฟอยู่ก็จะแบมือไม่ออก
และในที่สุดก็...

6. Q: สวิตช์สามทางคืออะไร
    A: คือสวิตช์ที่ใช้ควบคุมดวงไฟจากจุดที่ควบคุม 2 แห่ง มีรูปร่างหน้าตาเหมือนสวิตช์ทั่วไป การใช้งานจะใช้
สวิตช์ 2 ตัว เพื่อเปิดปิดหลอดไฟเพียงจุดเดียว โดยเฉพาะแสงสว่างที่บริเวณบันได (บางท่านจึงเรียกว่า "สวิตช์บันได")
สำหรับบ้านสองชั้นจะติดตั้งสวิตช์ไว้ที่ชั้นล่างหนึ่งตัว และชั้นบนอีกหนึ่งตัว สามารถเปิดปิดจากสวิตช์ตัวไหนก็ได้
เพิ่มความสะดวกในการใช้งานโดยเฉพาะการขึ้นลงบันไดในยามค่ำคืน

7. Q: เราสามารถเสียบต่อปลั๊กพ่วงได้มากน้อยเพียงใด
    A: ปลั๊กพ่วงแต่ละรุ่นมีขีดความสามารถในการทนต่อกระแสไฟฟ้าไม่เท่ากันโดยจะเขียนติดไว้กับตัวปลั๊กเลย
เช่น 10 แอมแปร์ ก็แสดงว่าไม่ควรต่อไฟเกิน 10 แอมแปร์ ถ้าใช้มากกว่านี้ฟิวส์จะขาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด
ความร้อนสูงจนไฟไหม้ ไม่แนะนำให้ใช้ปลั๊กพ่วงแบบไม่มีฟิวส์และสวิตช์เปิดปิดเด็ดขาด โดยเฉพาะแบบเก่า
(ลักษณะกลมๆ) ที่ม้วนเก็บสายได้ เพราะนอกจากไม่มีฟิวส์แล้ว เต้ารับยังหลวมเป็นอันตรายมาก อีกอย่างที่
ไม่ควรทำคือนำปลั๊กอื่นมาพ่วงต่อจากปลั๊กพ่วงอีกที...อย่าทำนะ ครับ

8. Q: ระบบควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าและแสงสว่างในบ้านอัตโนมัติ (Automation Home) ต้องใช้งบประมาณ
เท่าไรจึงติดตั้งได้
    A: เริ่มต้นประมาณ 50,000 บาท สำหรับคอนโดมิเนียมหรือบ้านขนาด 1-2 ห้องนอน สามารถสั่งเปิดปิดไฟ
หรี่ไฟ ม่านปรับแสง เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เพื่อสร้างบรรยากาศและช่วยอำนวยความสะดวกสบาย และหากเพิ่ม
งบประมาณอีกหน่อยก็สามารถเชื่อมต่อกับระบบสัญญาณกันขโมย แต่ถ้ามีงบประมาณมาก เราสามารถทำ
บ้านธรรมดาๆให้กลายเป็นบ้านอัจฉริยะได้ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ เสริมต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม
ระบบอื่นๆ อาทิ สามารถสั่งงานผ่านทางโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ตได้ แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ภายในบ้าน หรือ
เข้าไปตรวจสอบการทำงานของระบบป้องกันภัย รวมทั้งเลือกดูภาพต่างๆได้จากทุกแห่งในโลกที่คุณไปผ่าน
ระบบกล้องวงจรปิดได้ด้วย แบบนี้ราคาอยู่ที่หลักหลายแสนบาท

9. Q: ไฟเลี้ยงวงจรของโทรทัศน์ เครื่องเสียง หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ กินไฟหรือไม่
    A: กินไฟทั้งนั้นแต่ว่าน้อยมากๆในความรู้สึกของผู้ใช้ (เสียค่าไฟเพิ่มขึ้นแลกกับความสะดวกสบายในการ
ใช้งาน) แต่อย่าลืมว่าแม้เราจะปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆด้วยรีโมทคอนโทรลแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีไฟเลี้ยงวงจร
อยู่ตลอดเวลา จึงมีส่วนทำให้อุปกรณ์ต่างๆภายในเกิดการชำรุดเสียหายได้ ดังนั้นเพื่อความประหยัดทั้งพลังงาน
และเงินในกระเป๋าสตางค์ของท่าน ให้ปิดโทรทัศน์ที่ปุ่มเปิดปิดของตัวเครื่อง และให้ถอดปลั๊กไฟออกหรือ
ปิดสวิตช์ไฟแสดงสถานะของสายต่อพ่วงทุกครั้งที่เลิก ใช้งานหากเราทุกคนลดการใช้พลังงานนี้ได้ก็จะช่วย
ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานรวม กันได้นับร้อยล้านบาทต่อปี

10. Q: มีสายล่อฟ้าแล้ว...เมื่อเกิดฝนฟ้าคะนองต้องทำอย่างไรกับโทรทัศน์อีกหรือไม่
      A: การมีอุปกรณ์ป้องกันฟ้าผ่าแล้ว ไม่ได้หมายความว่าโทรทัศน์จะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ หากเรายังเปิด
โทรทัศน์อยู่หรือปิดโทรทัศน์แล้วแต่ยังไม่ได้ถอดปลั๊กออก เพราะมีโอกาสเสี่ยงสูงเมื่อมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นในบริเวณ
ใกล้เคียง เนื่องจากได้รับแรงดันและกระแสไฟเกินอย่างกะทันหัน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน
ของท่านเอง ขณะที่มีฝนฟ้าคะนองให้ปิดโทรทัศน์ และถอดปลั๊กไฟออกจากเต้ารับที่ผนังหรือปลั๊กพ่วง และถอด
สายอากาศออกจากตัวเครื่องทุกครั้ง เพื่อป้องกันโทรทัศน์ได้รับความเสียหายรวมถึงอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์แบบไร้สาย เป็นต้น

11. Q: โวลท์,แอมป์,วัตต์ คืออะไร
      A: โวลท์ (volt หรือ V) คือ หน่วยที่ใช้เรียกเพื่อบอกขนาดของแรงดันไฟฟ้าในบ้าน อาทิ 220  V หมายถึง
ขนาดของแรงดันไฟฟ้าเท่ากับ 220 โวลท์ (ประเทศไทยก็ใช้ไฟระบบนี้)
          แอมแปร์หรือแอมป์ (ampere หรือ A) คือ หน่วยที่ใช้เรียกสำหรับบอกปริมาณของกระแสไฟฟ้าที่
ไหลผ่านตัวนำ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้านั่นเอง อาทิ 5 A หมายถึง ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านเท่ากับ 5 แอมแปร์
          วัตต์ (watt หรือ W) คือ หน่วยวัดกำลังไฟฟ้าที่เป็นตัวบอกพลังงานไฟฟ้าของอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า
แต่ละชนิดใช้ในการทำงาน เช่น หลอดไฟ 100 วัตต์ หมายความว่า หลอดไฟดวงนี้กินไฟ 100 วัตต์ต่อชั่วโมงนั่นเอง

12. Q: มีสายดินแล้ว...ต้องติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่วอีกหรือไม่
     A: สายดินเป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรกที่ผู้ใช้ไฟฟ้าจะต้องมีไว้ป้องกันไฟดูด เพื่อให้กระแสไฟที่รั่วไหลลงดิน
ได้สะดวก โดยไม่ผ่านร่างกายเรา (ไฟไม่ดูด) ส่วนเครื่องตัดไฟรั่วมีหน้าที่ตัดกระแสไฟรั่วก่อนที่จะเป็นอันตราย
กับมนุษย์ (ไฟดูด) และช่วยป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร จนอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ ดังนั้น
ระบบไฟฟ้าที่ดี จึงควรมีทั้งระบบสายดินและเครื่องตัดไฟรั่ว เพื่อเสริมการทำงานซึ่งกันและกันให้เกิดความปลอดภัย
มากยิ่งขึ้น

13. Q: มีหลอดฟูลออเรสเซนต์ที่ไม่ใช้แบลลัสต์และสตาร์ตเตอร์ไหม
     A: มีครับ แต่ผู้ผลิตจะจำหน่ายในรูปแบบของชุดหลอดไฟสำเร็จรูป มีให้เลือกใช้ทั้งแบบหลอดผอมและหลอดกลม
ทำงานด้วยชุดวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยให้หลอดไฟมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น เปิดปุ๊บสว่างปั๊บและหลอดไม่กะพริบ
กินไฟน้อย ช่วยประหยัดไฟประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีราคาสูงกว่าชุดรางสำเร็จรูปทั่วไป

14. Q: Day Light , Warm White และCool White คืออะไร
     A: ปัจจุบันหลอดไฟแสงสว่างส่วนใหญ่ที่ผลิตออกมาจำหน่ายมี 3 โทนสีด้วยกัน ได้แก่ Day Light, Warm White
และ Cool White ซึ่งหลอดไฟแต่ละสีก็จะให้ความรู้สึกแตกต่างกันไป ดังนี้
-Day Light ให้แสงไม่มีสีคล้ายแสงธรรมชาติในเวลากลางวัน
- Warm White ให้แสงที่เป็นสีเหลืองนวล ช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่น
-Cool White ให้แสงที่เป็นสีฟ้าขาว ดูเย็นตา แต่จะทำให้สีจริงของวัตถุผิดเพี้ยนไป
ดังนั้นก่อนเลือกซื้อหลอดไฟมาใช้ จึงควรอ่านฉลากที่ข้างกล่อง เพื่อให้ได้แสงไฟที่ตรงกับลักษณะการใช้งาน
และช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับห้องต่างๆภายในบ้าน

15. Q: การตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆภายในบ้านด้วยตนเองควรทำอย่างไร
     A: เริ่มด้วยการทดสอบมิเตอร์ไฟก่อน โดยปิดสวิตช์ไฟฟ้าทุกจุด รวมทั้งถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ
ออกให้หมด แล้วไปดูมิเตอร์ไฟที่หน้าบ้านว่าเฟืองเหล็กยังหมุนอยู่หรือไม่ หากยังหมุนอยู่แสดงว่ามีกระแสไฟรั่ว
จากนั้นให้ดูเมนสวิตช์ว่ามีมดหรือแมลงเข้าไปทำรังในตู้หรือเปล่า คัตเอ๊าต์หรือเบรกเกอร์ยังสามารถใช้ปลดวงจร
ไฟฟ้าได้หรือไม่ ส่วนสายไฟและเต้ารับให้ดูว่ามีส่วนใดชำรุดเสียหายบ้าง โดยเฉพาะสายไฟที่ซ่อนอยู่บนฝ้าเพดาน
อาจเปื่อยกรอบเนื่องจากผ่านการใช้งานมานาน หรือถูกพวกหนูและแมลงสาบกัดแทะจนสายขาด ถ้าพบ
ความเสียหายก็ต้องเปลี่ยนใหม่เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร

16. Q: หลอดตะเกียบประหยัดไฟกว่าหลอดไส้กี่เท่า
     A: หลอดตะเกียบในที่นี้หมายถึง หลอดฟูลออเรสเซนต์ขนาดเล็กที่มีการพัฒนาเพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงาน
โดยใช้แทนหลอดไส้ได้ มีอายุการใช้งานมากกว่าหลอดไส้ประมาณ 6-8 เท่า และใช้ไฟฟ้าน้อยกว่า โดยจะช่วย
ประหยัดไฟได้ 70-80 เปอร์เซ็นต์ แต่อายุการใช้งานของหลอดก็ขึ้นอยู่กับสภาพการติดตั้ง เช่น การระบายความร้อน
เป็นอย่างไร แรงดันไฟฟ้าสม่ำเสมอดีหรือไม่
การ เลือกซื้อหลอดประหยัดไฟให้คุ้มค่าให้สังเกตปริมาณการส่องสว่าง(ลูเมนต่อวัตต์) ที่ข้างกล่องบรรจุ เนื่องจาก
หลอดไฟในแต่ละรุ่นจะมีค่าไม่เท่ากัน ส่งผลให้ราคาแตกต่างกัน โดยให้เลือกรุ่นที่มีประสิทธิภาพพลังงานในการ
ส่องสว่างสูงไว้ก่อนนะครับ

17. Q: เครื่องมือและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ควรมีไว้ติดบ้าน...มีอะไรบ้าง
     A: -ค้อนช่างไฟ ใช้ตอกตะปู สำหรับการเดินสายแบบรัดคลิป หรือติดตั้งกล่องต่อสายต่างๆ
-คีมตัด ใช้สำหรับตัดสายและตกแต่งปลายท่อร้อยสายไฟที่ขรุขระให้เรียบร้อย คีมปอกสายไฟ ใช้งานได้ทั้งปอกสาย
และตัดสายไฟ
-คีมปากจิ้งจก ใช้จับยึดชิ้นงานที่มีขนาดเล็กหรืออยู่ในที่แคบ
-ไขควงวัดไฟ ใช้ทดสอบวงจรไฟฟ้า
-ตลับเมตร ใช้วัดระยะในกรณีที่มีการเดินสายหรือติดตั้งสวิตช์และเต้ารับ
-เทปพันสายไฟ ใช้พันรอยต่อของสายไฟ
 
เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องมีติดบ้านไว้ทุกชิ้น อาจดูจากความถนัดหรือความคล่องตัว
ในการใช้งานน่าจะเหมาะสมกว่า แล้วอย่าลืมกฎสำคัญในการทำงานไฟฟ้าคือ ต้องถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า
หรือปลดเมนสวิตช์ทุกครั้ง ในบริเวณที่เราจะทำงานด้วย

18. Q : ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศมาล้างด้วยหรือ
     A:  การดูแลเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะช่วยให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแล้ว
ยังช่วยประหยัดค่าไฟและส่งผลดีต่อสุขภาพของเราอีกด้วย การทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศครั้งใหญ่
ควรทำอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง ทั้งคอยล์เย็นและคอยล์ร้อน หรือชุดระบายความร้อนที่ตั้งอยู่ภายในห้อง โดยช่าง
ผู้ชำนาญเพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น แต่ภายหลังการล้างเครื่อง บ่อยครั้งมักเกิดน้ำหยดหรือรั่วออก
มาจากแผงคอยล์เย็น เพราะช่างอาจหลงลืมการทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง ทำให้เกิดน้ำรั่วหรือเกิดเสียงจากการ
สั่นของเครื่องได้ เนื่องมาจากการประกอบชิ้นส่วนไม่ดี ดังนั้นจึงควรตรวจเช็คในจุดต่างๆให้แน่ใจก่อนช่าง
จะจากไปนะครับ

19. Q: ทิ้งหลอดไฟเป็นภัยกับสิ่งแวดล้อมไหม
      A:  เป็นภัยต่อชีวิตและเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมแน่นอน เพราะหลอดไฟเป็นขยะที่ไม่ย่อยสลายและเผาไม่ได้
(เผาแล้วก่อให้เกิดมลพิษ) ต้องผ่านกระบวนการกำจัดหลอดไฟอย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้ไป
ทำลายสิ่งแวดล้อมและชั้นบรรยากาศของโลก โดยจำเป็นต้องจัดการคัดแยกหลอดไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ
ออกจากขยะในครัวเรือน ประเภทอื่น โดยต้องห่อกระดาษหนังสือพิมพ์หรือกล่องที่ใส่มาตอนซื้อ และเขียนกำกับ
ไว้ด้วยว่าเป็น "หลอดไฟ"(เจ้าหน้าที่จัดเก็บจะได้เห็นและใช้ความระมัดระวังมากขึ้น) ตอนนี้มีบางบริษัท
มีโครงการรีไซเคิลหลอดไฟ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีมากต่อสภาพแวดล้อม แต่ยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควรครับ

20. Q: เมื่อเกิดเพลิงไหม้จากไฟฟ้าต้องทำอย่างไรและใช้อะไรดับ
      A: หากพบประกายไฟที่จะก่อให้เกิดอัคคีภัย ให้เตรียมอุปกรณ์ดับเพลิงให้พร้อม การดับเพลิงที่เกิดจาก
ไฟฟ้า ต้องใช้ถังดับเพลิงที่ใช้ดับไฟที่เกิดจากไฟฟ้าโดยเฉพาะเท่านั้น อย่าใช้น้ำดับไฟเป็นอันขาด เพราะน้ำ
เป็นสื่อไฟฟ้า (ยกเว้นในกรณีที่ปลดวงจรไฟฟ้าแล้วสามารถใช้น้ำดับได้) ถังดับเพลิงที่ใช้ดับเพลิงไหม้จากไฟฟ้า
จะมีเครื่องหมายระบุว่าใช้ดับไฟได้ สังเกตที่ข้างถังจะระบุเป็นตัวอักษร "C" (ชนิด Aใช้ดับเพลิงพวกไม้และ
กระดาษ,ชนิด B ใช้กับไฟที่เกิดจากน้ำมันเชื้อเพลิงต่างๆ)

 

ขอบคุณข้อมูล :http://www.baanlaesuan.com



TAG :

ร่วมแสดงความคิดเห็น

ชื่อ
Comment
กรุณาป้อนข้อมูลตามที่ปรากฏ

ข้อความในส่วนแสดงความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็นข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บบอร์ดไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ feedback@ebuild.co.thเพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้











สินค้าหมวดสถาปัตย์
สินค้าหมวดโครงสร้าง
แหล่งความรู้
eBuild Team
www..co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล Privacy Policy
Copyright 2009 Ebuild Co., Ltd. All Rights Reserved.