" รู้อย่างช่าง สร้างอย่างปราชญ์ "

 


Knowledges



Banner Web eBuild
Banner Web eBuild
Banner Web eBuild
หน้าหลักบทความ     บทความเกี่ยวกับไฟฟ้า  
Article ติดตั้งเครื่องปรับอากาศอย่างมีมาตรฐาน

วันที่ลง : 27-Mar-2010

ติดตั้งเครื่องปรับอากาศอย่างมีมาตรฐาน

การติดตั้ง เครื่องปรับอากาศ

ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน(Split Type) ที่ใช้ตามบ้านทั่วๆไปก่อนดังนี้

การเลือกตำแหน่งติดตั้งเครื่องปรับอากาศ

ตำแหน่งคอนเด็นซิ่ง ยูนิต ( CDU ) ที่เหมาะสม

1. บริเวณที่ติดตั้งเครื่องต้องแข็งแรงสามารถรับน้ำหนักและแรงสั่นสะเทือนจาก การทำงานได้

2.ในกรณีที่คอนเด็นซิ่งตั้งวางบนพื้นดินต้องทำฐานรองรับเครื่องด้วย คอนกรีต

3. ติดตั้งในบริเวณที่อากาศถ่ายเทได้สะดวกและห่างจากมุมอับ

4. บริเวณที่ติดตั้งต้องมีการระบายน้ำได้ดีหรือที่ที่น้ำท่วมไม่ถึง

5. การวางคอนด็นซิ่งยูนิตควรมีลูกยางรองเพื่อลดแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของ ตัวเครื่อง

6. ควรวาง CDU ให้ห่างจากพื้นที่ใช้สอยทั่วไปเพื่อหลีกเลี่ยงจากปัญหาเรื่องเสียงรบกวน

7. อย่าตั้งเครื่องชิดกับคอนเด็นซิ่งยูนิตอื่นหรือผนังเพราะทำให้ระบายความร้อน ยาก

8. หลีกเลี่ยงการติดตั้งในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี เช่น มีความเป็นกรดสูง,แสงแดดแรงหรือมีน้ำหยด

9. ควรวาง CDU ในบริเวณที่สามารถเข้าไปตรวจซ่อมภายหลังได้อย่างสะดวก

ตำแหน่งแฟนคอยล์ยูนิต ( FCU) ที่เหมาะสม

1. ตั้งในบริเวณที่สามารถกระจายลมได้ทั่วทั้งห้องอย่าติดตั้งเครื่องในมุมอับ

2. อย่าให้สิ่งของกีดขวางทางไหลของอากาศเพราะจะทำให้อากาศหมุนเวียนไม่สะดวก

3. บริเวณที่ติดตั้งเครื่องต้องแข็งแรงสามารถรับน้ำหนักและแรงสั่นสะเทือนจาก การทำงานได้

4. หลีกเลี่ยงการวาง FCU ใกล้กับประตู, หน้าต่างหรือพัดลมดูดอากาศ

5. ควรวาง FCU ในบริเวณที่สามารถตรวจซ่อมภายหลังได้อย่างสะดวก

6. อย่าตั้งชิดผนังที่โดนแดดจัดเพราะจะทำให้ได้รับความร้อนจากภายนอกได้ง่าย

7. พยายามติดตั้งแฟนคอยล์ยูนิตให้อยู่ใกล้กับคอนเด็นซิ่งยูนิตจะทำให้ ประสิทธิภาพสูงสุด



 

การติดตั้งท่อน้ำยา

ระบบท่อน้ำยานับว่าเป็นส่วนที่มีความสำคัญมากที่สุดในการติดตั้งเครื่อง ปรับอากาศแบบแยก ส่วนการเลือกใช้ขนาดท่อที่มีขนาดเล็กเกินไปจะมีผลทำให้เกิดปัญหาตามมาเช่น ทำให้ประสิทธิ ภาพของเครื่องต่ำลงหรือความดันตกคร่อม (Pressure Drop) ระหว่างท่อมากเกินไป เป็นต้น ดังนั้นในการเลือก ใช้ขนาดท่อน้ำยาต้องคำนึงถึง

1. PIPE DIAMETER ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของท่อน้ำยา

2. PIPE LENGTH ความยาวท่อน้ำยา

3. NUMBER OF FITTINGS จำนวนของข้อต่อต่างๆ เช่น ข้องอ

4. FLUID VELOCITY ความเร็วในการเคลื่อนที่ของสารทำความเย็น

การเลือกใช้ท่อน้ำยาควรเลือกตามคู่มือติดตั้งเครื่องปรับอากาศนั้นๆ แต่ถ้าไม่ทราบก็สามารถหา ขนาดคร่าวๆได้จากแผนผังคำนวณขนาดท่อน้ำยาซึ่งโดยทั่วไปกำหนดความดันตกคร่อม ด้านดูด (Suction Line Pressure Drop) 2 PSI/100 FT และความดันตกคร่อมด้านส่ง (Discharge Line PressureDrop) 4 PSI/100 FT.

นอกจากการเลือกใช้ขนาดท่อน้ำยาที่ถูกต้องแล้ว การเดินท่อน้ำยายังต้องทำอย่างถูกหลักการอีก ด้วยจึงจะทำให้เครื่องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบท่อน้ำยาต้องทำความสะอาดให้ดีและ แห้งและในการเดินท่อน้ำยาต้องคำนึงถึงความเร็วของไอน้ำยาให้มากพอที่จะพา น้ำมันหล่อลื่น กลับคอมเพรสเซอร์ด้วย ดังนั้นในการติดตั้งคอนเด็นซิ่งและอีวาพอเรเตอร์ในระดับที่ต่างกันจะ ต้องคำนึงถึง

1. การติดตั้งอีวาพอเรเตอร์ต่ำกว่าคอนเด็นซิ่ง จะมีผลให้น้ำมันกลับเข้าคอมเพรสเซอร์น้อยเพราะ คอมเพรสเซอร์อยู่สูงกว่า ดังนั้นการเดินท่อด้านดูดต้องคำนึงถึงความดันตกคร่อมและเรื่องน้ำมัน กลับด้วย

2. การติดตั้งคอนเด็นซิ่งต่ำกว่าอีวาพอเรเตอร์ จะมีผลให้ความดันตกลงเพราะคอมเพรสเซอร์ต้อง อัดน้ำยาขึ้นที่สูง ดังนั้นการเดินท่อด้านส่งต้องคำนึงถึงความดันตกคร่อมจากความเสียดทานและ การเดินท่อในแนวดิ่ง

การเดินท่อน้ำยาด้านดูด เมื่อตำแหน่งการวางอีวาพอเรเตอร์และคอนเด็นซิ่งอยู่ในลักษณะต่างๆ เป็นดังนี้

1. เมื่อคอนเด็นซิ่งอยู่เหนืออีวาพอเรเตอร์

ให้ทำที่กักน้ำมัน(Oil Trap) เพื่อให้แน่ใจว่า น้ำมันที่อยู่ในระบบจะไหลกับขึ้นไปยังคอม เพรสเซอร์ การทำที่กักน้ำมันควรทำให้ใกล้ อีวาพอเรเตอร์ที่สุดเท่าที่จะทำได้

2. เมื่อคอนเด็นซิ่งอยู่เหนืออีวาพอเรเตอร์ให้ทำที่กักน้ำมันทุกๆช่วงความสูง 4.5 ม. ทั้งนี้เพื่อให้เก็บกักน้ำมันเอาไว้ในขณะ ที่คอมเพรสเซอร์เริ่มทำงานอีกครั้ง น้ำมัน จากที่กักน้ำมันนี้จะถูกดูดไปหล่อลื่นคอม เพรสเซอร์ได้ทันที (ไม่ควรเดินท่อในแนวดิ่งสูงเกินกว่า 15 ม.)

การเดินท่อน้ำยาต่อระบบ ทำความเย็นยาวเกิน 10 เมตร จะต้องเติมน้ำมันหล่อลื่นเพิ่มเติมเพื่อ ชดเชยผลของฟิล์มน้ำมันที่ตกค้างผิวด้านในของท่อดูด ตามอัตราตารางต่อไปนี้ต่อทุกๆความยาว 1 เมตรที่เดิน การเติมน้ำมันให้ดูจาก OIL SIGHT GLASS (ถ้ามี) โดยให้อยู่ในช่วง 1/2 ถึง 3/4 ของ OIL SIGHT GLASS

ขนาดท่อ อัตราเติมน้ำมันต่อทุกความยาว 1 เมตร
3/8 7.5 มิลลิเมตร (ซี.ซี)
1/2 10 มิลลิเมตร (ซี.ซี)
5/8 20 มิลลิเมตร (ซี.ซี)
3/4 30 มิลลิเมตร (ซี.ซี)
7/8 40 มิลลิเมตร (ซี.ซี)
1-1/8 50 มิลลิเมตร (ซี.ซี)

เมื่อเดินท่อน้ำยาผ่านผนัง,กำแพง ควรบุหรือห่อด้วยฉนวน ซึ่งสามารถลดการสั่นสะเทือนได้ ส่วน ท่อด้านดูดต้องหุ้มฉนวนตลอดความยาวของท่อ ฉนวนที่ใช้หุ้มท่อนี้ต้องมีความหนาอย่างน้อย 1/2 นิ้ว โดยปกติแล้วท่อด้านส่งไม่จำเป็นต้องหุ้มฉนวน ยกเว้นในกรณีที่เดินท่อผ่านบริเวณที่มี อุณหภูมิสูง เช่น ห้องหม้อน้ำหรือกลางแดดร้อนจัด ควรจะใช้ฉนวนยางที่มีความหนาอย่างน้อย 3/8 นิ้ว หุ้มห่อด้านส่งด้วย และต้องเพิ่มความหนาของฉนวนด้านดูดขึ้นเป็นพิเศษด้วยอย่างน้อย หนา 3/4 นิ้ว

การติดตั้งท่อน้ำทิ้ง

ท่อน้ำทิ้งจัดว่าเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง ถ้าติดตั้งไม่ดีอาจมีผลให้น้ำไม่สามารถระบายออกและขัง อยู่ในตัวเครื่องจนล้นออกมาภายนอกสร้างความเสียหายให้บริเวณรอบๆเครื่องได้ ท่อน้ำทิ้งโดย มากจะใช้ท่อ S-LON หรือท่อ PVC โดยต่อออกจากตัวเครื่องอีวาพอเรเตอร์ ท่อน้ำทิ้งควรจะหุ้ม ฉนวนตรงบริเวณที่อาจจะเกิดมีการ condensate โดยเฉพาะถ้าเดินท่ออยู่ในฝ้าเพดาน นอกจาก นี้ท่อน้ำทิ้งควรทำ TRAP ด้วย



 

การบำรุงรักษาเครื่องปรับ อากาศ

เพื่อให้เครื่องปรับอากาศทำงานเต็มประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานยาวนาน จึงควรหมั่น ดูแลบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ มีข้อแนะนำโดยทั่วไปเกี่ยวกับการบำรุงรักษาดังนี้

1. หมั่นตรวจสอบและทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศของแฟนคอยล์ยูนิตทุกสองสัปดาห์

2. แผงอีวาพอเรเตอร์คอยล์และคอนเด็นเซอร์คอยล์ควรทำความสะอาด 3-6 เดือนต่อครั้ง

3. มอเตอร์พัดลมทั้งแฟนคอยล์ยูนิตและคอนเด็นซิ่งยูนิตต้องมีการตรวจเช็คทุก 6 เดือน และทำการหล่อลื่น โดยการอัดจาระบีหรือหยอดน้ำมันอย่างสม่ำเสมอ

4. ตรวจดูถาดน้ำทิ้ง ทำความสะอาดเพื่อให้การไหลของน้ำทิ้งเป็นไปอย่างสมบูรณ์

5. ตรวจดูทิศทางลมเข้าออกของแฟนคอยล์ยูนิต ต้องไม่มีวัสดุปิดขวางทางลม

6. ตรวจสอบและซ่อมแซมฉนวนท่อน้ำยาที่ต่อระหว่างคอนเด็นซิ่งยูนิตและแฟนคอยล์ ยูนิต

7. ตรวจสอบหน้าต่างและประตูว่ามีรูรั่วทำให้อากาศร้อนจากภายนอกเข้าสู่อาคาร หรือไม่

8. ติดต่อช่างบริการที่เชื่อถือได้เพื่อตรวจสอบเครื่องอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

วิธีใช้เครื่องปรับอากาศ อย่างประหยัด

การใช้ไฟฟ้าในบ้านเรือนหรืออาคารสำนักงานประมาณ 60% จะใช้กับระบบปรับอากาศ ฉะนั้น ถ้าใช้เครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพต่ำหรือปล่อยให้มีความร้อนเกิดขึ้น ภายในห้องโดยไม่ จำเป็นย่อมก่อให้ผู้ใช้เสียค่าไฟฟ้ามากกว่าความจำเป็น

การประหยัดไฟฟ้าสำหรับเครื่องปรับอากาศนั้นสามารถดำเนินการได้ด้วยวิธี การต่างๆทั้งวิธี การที่ไม่ต้องลงทุน และลงทุนเล็กน้อยซึ่งผลจากการดำเนินงานนั้นจะไม่ทำให้ความสะดวก สบายที่ได้รับจากการใช้เครื่องปรับอากาศต้องลดน้อยลงแต่จะลดค่าไฟฟ้าลงจาก ปกติ วิธีการ ประหยัดมีดังต่อไปนี้

การเลือกเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสม

1. เลือกเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง คือ ให้ความเย็นมากแต่กินไฟน้อย โดยดูที่การ กินไฟฟ้าเป็นวัตต์ หรือแอมปโดยควรเลือกที่มีค่าน้อย หรือดูจากค่า COP หรือ EER (Energy Efficiency Ratio) ซึ่งค่ายิ่งสูงยิ่งดี

2. เลือกขนาดเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมกับห้อง

3. ควรเลือกอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิหรือเทอร์โมสตัทที่มีความเที่ยงตรงสูง เช่น เทอร์โมสตัท ชนิดอิเล็กทรอนิกส์

4. เปลี่ยนเครื่องปรับอากาศใหม่ทดแทนเครื่องปรับอากาศเก่าที่มีประสิทธิภาพต่ำ เนื่องจาก ใช้งานมานาน การเปลี่ยนเครื่องใหม่ควรพิจารณาเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูง

การลดความร้อนจากภายนอก

การลดความร้อนจากภายนอกที่ผ่านเข้ายังบริเวณที่ปรับอากาศโดยผ่านผนัง, หลังคาและพื้น โดยพิจารณาเป็นส่วนๆดังนี้

1. การลดความร้อนผ่านผนัง

1.1 ผนังกระจก เป็นสิ่งหนึ่งที่ความร้อนจากภายนอกสามารถแผ่เข้ามาได้มาก มีวิธีแก้ไขหลาย วิธีคือ

1.1.1 ใช้เครื่องบังแดดภายในอาคาร

- ใช้กันสาดในแนวตั้งและแนวนอน หรือการหลบแนวหน้าต่างเข้ามาภายใน

- สำหรับกระจกที่หันไปทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ควรติดกันสาดในแนวนอน

- ส่วนกระจกที่หันไปทางทิศเหนือและทิศใต้ ควรใช้กันสาดในแนวตั้ง

- ปลูกต้นไม้บังแดดสำหรับกระจก ทางด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก

1.1.2 ใช้ผ้าม่านหรือมู่ลี่สีอ่อนบังแดดภายในด้านหลังกระจกโดยเลือกใช้มู่ลี่ชนิด ใบอยู่ในแนว นอนสำหรับกระจกทางทิศเหนือหรือทิศใต้ ส่วนกระจกทางทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตกควร ใช้มู่ลี่ชนิดใบอยู๋ในแนวดิ่ง

1.1.3 เลือกกระจกที่มีคุณสมบัติยอมให้แสงผ่านได้น้อย โดยกระจกที่หันไปทางทิศตะวันตก หรือตะวันออกควรใช้กระจกกรองแสงหรือแสงสะท้อน

1.1.4 พยายามใช้กระจกเท่าที่จำเป็นโดยเฉพาะด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกของอาคาร

1.2 ผนังอาคารที่เป็นปูน

1.2.1 ทาสีด้านนอกด้วยสีขาวหรือสีอ่อนหรือใช้วัสดุผิวมัน เช่นกระเบื้องเคลือบเพื่อช่วยสะท้อน แสง

1.2.2 ควรปลูกต้นไม้หรือสร้างที่บังแดดเพื่อให้ร่มเงาแก่ผนัง

1.2.3 ผนังห้องปรับอากาศโดยเฉพาะด้านทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก ซึ่งไม่มีเงากำบังหรือ ห้องข้างเคียงเป็นห้องครัว หรือเป็นห้องที่มีความร้อนมากควรบุฉนวนกันความร้อน

1.3 ผนังอาคารที่เป็นไม้หากมีช่องห่างของไม้มากควรตีผนังด้านในด้วยไม้อัดเพื่อ กันการผ่าน ของ ความร้อนจากภายนอกเข้ามาในอาคาร



 

2. การลดความร้อนผ่านหน้าต่าง

2.1 หน้าต่างควรมีเฉพาะทิศเหนือหรือทิศใต้ของอาคาร เพื่อลดการรับแสงแดดโดยตรง

2.2 ต้องพยายามไม่ให้มีรอยรั่วตามขอบประตูหน้าต่างหรือบริเวณฝ้าเพดาน

2.3 หน้าต่างส่วนที่เป็นกระจกให้ปรับปรุงตามข้อเสนอแนะของผนังกระจก

3. การลดความร้อนผ่านหลังคาและฝ้าเพดาน

3.1 หลังคาที่เป็นสังกะสีหรือกระเบื้อง ควรตีฝ้าหรือติดตั้งวัสดุสะท้อนความร้อน หรือบุฉนวน กันความร้อน เพื่อช่วยลดความร้อนที่จะแผ่เข้ามาในอาคาร

3.2 ถ้ามีช่องว่างระหว่างหลังคากับฝ้ามากควรเจาะช่องลมเพื่อระบายอากาศจะทำให้ ประหยัด การปรับอากาศได้

4. การลดความร้อนผ่านพื้น หากเป็นพื้นไม้ควรอุดช่องระหว่างไม้ให้สนิท แอร์จะได้ไม่รั่ว ออกไป

5. การปรับปรุงในส่วนของรูปแบบอาคาร

5.1 ออกแบบและกำหนดทิศทางของอาคารให้อยู่ในลักษณะที่ความร้อนจากภายนอกเข้ามา ในอาคารน้อยที่สุด

5.2 การเลือกสีผนัง,เพดาน และเครื่องตกแต่งอาคารควรเป็นสีอ่อน เพื่อช่วยในการสะท้อน แสงทำให้ห้องสว่างและใช้ดวงไฟน้อยลง

5.3 อาคารที่มีพื้นที่หรือห้องซึ่งไม่ได้ใช้งานประจำอยู่ทางทิศตะวันตกจะช่วยกัน ความร้อน ไม่ให้เข้ามาถึงห้องที่ใช้สอยประจำ ทำให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้าในการปรับอุณหภูมิห้องที่ ใช้สอยประจำลงได้

การลดความร้อนจากดวงไฟและ อุปกรณ์ภายใน

1. พยายามใช้แสงธรรมชาติช่วยส่องสว่างภายในอาคารและควรจะปิดไฟที่ไม่จำเป็น

2. ภายในอาคารควรใช้สีอ่อน เพื่อช่วยในการสะท้อนแสงทำให้ใช้ดวงไฟน้อยลง

3. เลือกใช้หลอดไฟที่มีประสิทธิภาพการส่องสว่างสูง เช่น ใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์แทน หลอดไฟแบบมีไส้

4. อุปกรณ์ที่ให้ความร้อนมากควรใช้นอกห้อง เช่น เตารีด เครื่องปิ้งขนมปัง หรือกาต้มน้ำ

5. ติดตั้งฝาครอบระบายอากาศ สำหรับเครื่องหุงต้มทุกชนิดถ้าจำเป็นต้องใช้ในห้องปรับอากาศ

วิธีใช้เครื่องปรับอากาศ อย่างถูกต้อง

1. ตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสมไม่เย็นจัดจนเกินไป โดยปกติขณะนอนหลับควรตั้งที่ 78 F (26 C) แต่ถ้าทำงานตั้งไว้ประมาณ 75 F (24 C)

2.ควรติดตั้งเทอร์โมสตัทให้ใกล้กับคอยล์ของอีวาพอเรเตอร์ในตำแหน่งลมกลับ เข้าเครื่อง เพื่อทำให้การตัดต่อเป็นไปอย่างถูกต้อง

3. เริ่มต้นเปิดเครื่องควรปรับระดับความเร็วพัดลมที่ความเร็วสูง (Hi) ก่อนเพราะจะทำให้เย็น เร็วพอเย็นได้ที่แล้วควรปรับลดไปเป็นลมต่ำ (Low)

4. ควรปิดประตู หน้าต่าง ให้มิดชิดอย่าเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ เพราะความร้อนจะเข้ามา

5. เปิดใช้เครื่องปรับอากาศเฉพาะส่วนและในเวลาที่จำเป็น ช่วงที่อากาศไม่ค่อยร้อนให้ปิดเครื่องปรับอากาศ แล้วเปิดหน้าต่างเพื่อให้ลมพัดถ่ายเท

6. หมั่นล้างทำความสะอาดคอยล์ รวมทั้งแผงกรองอากาศให้สะอาดอยู่เสมอ

7. อย่าให้มีสิ่งกีดขวางทางลมทั้งที่แฟนคอยล์ยูนิต(ชุดที่อยู่ในห้อง)

ที่มา :http://www.airhomenet.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=181527



TAG :

ร่วมแสดงความคิดเห็น

ชื่อ
Comment
กรุณาป้อนข้อมูลตามที่ปรากฏ

ข้อความในส่วนแสดงความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็นข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บบอร์ดไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ feedback@ebuild.co.thเพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้











สินค้าหมวดสถาปัตย์
สินค้าหมวดโครงสร้าง
แหล่งความรู้
eBuild Team
www..co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล Privacy Policy
Copyright 2009 Ebuild Co., Ltd. All Rights Reserved.