ปัจจุบันนี้เกิดกระแสตื่นตัวในเรื่องของการอนุรักษ์พลังงานอย่างมาก เพราะผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน (Global Warming) ในส่วนของภาคที่อยู่อาศัย ก็มีแนวคิดสร้างบ้านประหยัดพลังงานขึ้นด้วยเช่นกัน สำหรับอาคารขนาดใหญ่ที่มีการใช้พลังงานสูงนั้น ภาครัฐได้มีการตรากฎหมายพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานอย่างประหยัดและเท่าที่จำเป็น และสนับสนุนวิธีการหรือมาตรการที่สามารถลดการสูญเสียพลังงานลงได้ มุ่งเน้นที่จะให้มีการอนุรักษ์พลังงานโดยใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ สูงและลดการสูญเสียพลังงานไฟฟ้าตามสายส่ง รวมถึงการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างประหยัดของผู้บริโภคและสร้างจิตสำนึกในการ บริโภคพลังงาน พระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดลักษณะอาคารที่ถือเป็นอาคารควบคุมเพื่อประโยชน์ ในการอนุรักษ์พลังงานไว้ ได้แก่ อาคารที่มีการใช้พลังงานโดยใช้เครื่องวัดไฟฟ้าขนาดตั้งแต่ 1,000 กิโลวัตต์ขึ้นไป หรือติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าชุดเดียวหรือหลายชุดรวมกัน มีขนาดตั้งแต่ 1,175 กิโลโวลต์แอมแปร์ขึ้นไป และอาคารที่ใช้ไฟฟ้า ตั้งแต่ 1 ม.ค. ถึงวันที่ 31 ธ.ค. ของปีที่ผ่านมา โดยมีปริมาณพลังงานทั้งหมดเทียบเท่าพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่ 20 ล้านเมกะจูลขึ้นไป ซึ่งผู้ที่เป็นเจ้าของอาคารควบคุมมีหน้าที่ดำเนินการอนุรักษ์พลังงานให้เป็น ไปตามมาตรฐานที่กำหนดและมีหน้าที่ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการผลิต การใช้พลังงานและอนุรักษ์พลังงาน การกำหนดเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานของอาคารควบคุม รวมทั้งตรวจสอบและวิเคราะห์การปฏิบัติตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน และรายงานผลให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2551 ที่ปรับปรุงจากปี 2535 กำหนดให้อาคารสร้างใหม่ประเภท โรงเรียน สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล โรงงานอุตสาหกรรม อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ไม่รวมอาคารที่พักอาศัยและสถานที่ราชการที่มีพื้นที่ 2,000 ตร.ม. ขึ้นไป ต้องมีการออกแบบให้ประหยัดพลังงานตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ โดยจะควบคุมตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบอาคารหรือก่อนยื่นใบอนุญาตก่อสร้าง ให้เป็นอาคารที่มีการประหยัดพลังงาน แตกต่างจากพระราชบัญญัติฉบับเก่าที่ควบคุมหลังจากอาคารก่อสร้างแล้วเสร็จและ ควบคุมเฉพาะอุปกรณ์ประกอบอาคารเท่านั้น นอกจากนี้จะกำหนดมาตรฐานกลางขึ้นและกำหนดสเปกมาตรฐานของวัสดุก่อสร้างที่ใช้ ก่อสร้าง โดยแตกต่างกันไปในอาคารแต่ละประเภท ซึ่งทุกระบบภายในอาคารจะต้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนด และมีแนวคิดจะให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบด้วย เพื่อให้ได้ผลในทางปฏิบัติจริง ที่มา: ข้อมูลจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
TAG : |